เอเอฟพี - สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะแห่งญี่ปุ่นจะทรงสละราชสมบัติในวันที่ 31 มี.ค.ปี 2019 ซึ่งจะถือเป็นการสละบัลลังก์ครั้งแรกของจักรพรรดิญี่ปุ่นในรอบกว่า 200 ปี รายงานเผยวันนี้ (20 ต.ค.)
หนังสือพิมพ์อาซาฮีชิมบุนอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาล ซึ่งระบุว่า นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ จะต้องประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงและสมาชิกราชวงศ์ญี่ปุ่นในเดือน พ.ย. ก่อนที่จะประกาศวันอย่างเป็นทางการ
เจ้าฟ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารซึ่งมีพระชนมายุ 57 พรรษา จะเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระจักรพรรดิเหนือบัลลังก์เบญจมาศในวันที่ 1 เม.ย. ปี 2019 ซึ่งก็คือวันถัดไป
หนังสือพิมพ์อาซาฮีชิมบุนถือเป็นสื่อเจ้าแรกที่ออกมาระบุวันสละราชสมบัติ แต่โฆษกสำนักพระราชวังญี่ปุ่นยืนยันกับเอเอฟพีว่า “ยังไม่มีการตัดสินใจเรื่องนี้” และปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม
กระแสข่าวเรื่องสมเด็จพระจักรพรรดิซึ่งมีพระชนมายุ 83 พรรษาจะสละราชสมบัติให้แก่พระราชโอรสเริ่มมีขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ค.ปีที่แล้ว และสร้างความตกตะลึงไม่น้อยต่อชาวญี่ปุ่น โดยทรงมีพระราชดำรัสผ่านสื่อโทรทัศน์ในเดือน ส.ค.ปี 2016 ว่า พระชนมายุที่มากขึ้นอาจจะทำให้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ ได้ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์
แม้การสละราชบัลลังก์ของพระจักรพรรดิจะเคยเกิดขึ้นหลายครั้งในประวัติศาสตร์อันยาวนานของราชวงศ์อิมพิเรียล ทว่าครั้งล่าสุดก็นานกว่า 200 ปีมาแล้ว
แผนการสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะถือเป็นเรื่องท้าทายสำหรับญี่ปุ่นยุคใหม่ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับ อีกทั้งยังจุดกระแสถกเถียงเรื่องการแก้กฎหมายเพื่อเปิดทางให้ราชนารีมีสิทธิ์ขึ้นครองราชสมบัติ
เมื่อเดือน มิ.ย. รัฐสภาญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายพิเศษที่รับรองการสละราชสมบัติเฉพาะกรณีของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะแล้ว เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามพระราชประสงค์
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายกังวลว่าการแก้กฎหมายเพื่อเปิดทางให้พระจักรพรรดิทรงสละราชสมบัติทั้งที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ อาจจะทำให้สถาบันสูงสุดถูกแทรกแซงทางการเมืองได้ในอนาคต
จักรพรรดิฮิโรฮิโตะซึ่งเป็นพระราชบิดาของพระองค์ทรงได้รับการเคารพบูชาเยี่ยงสมมติเทพ และทรงเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นที่รุกรานเอเชียในช่วงทศวรรษ 1930-1940
สถานะเทวราชาของจักรพรรดิสูญสิ้นไปพร้อมกับการปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันพระจักรพรรดิญี่ปุ่นจึงทรงมีบทบาทในเชิงพิธีการในฐานะที่ทรงเป็นประมุขรัฐ แต่ก็ยังทรงเป็นที่เคารพรักของชาวแดนอาทิตย์อุทัยอย่างลึกซึ้งเสมอมา
สมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะซึ่งมีพระชนมายุ 83 พรรษาในวันนี้ (20) เคยมีพระราชดำรัสไว้ว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกโล่งใจอย่างยิ่งที่สมเด็จพระจักรพรรดิจะได้ทรงมีวันหยุดพักผ่อน ในขณะที่พระชนมายุมากแล้ว”