รอยเตอร์ - นิสสัน มอเตอร์ โค ลิมิเต็ด เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (19 ต.ค.) กำลังระงับการผลิตรถยนต์ภายในทุกประเภทสำหรับป้อนตลาดญี่ปุ่นเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อจัดการกับปัญหาดำเนินการอย่างไม่เหมาะสมในขั้นตอนตรวจสอบรถยนต์ อันนำมาซึ่งการเรียกคืนครั้งใหญ่
ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดลำดับ 2 ของญี่ปุ่นระบุว่าจะหยุดผลิตรถยนต์สำหรับจำหน่ายในตลาดรถยนต์ภายในประเทศ ในโรงงานญี่ปุ่นทั้ง 6 แห่ง เพื่อปรับโครงสร้างสายงานตรวจสอบคุณภาพใหม่
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากนิสสันยอมรับว่า มีช่างเทคนิคที่ไม่มีอำนาจและขาดคุณสมบัติ เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบรถยนต์ในขั้นสุดท้ายบางคัน แม้ว่าทางบริษัทได้ยกระดับการควบคุมกระบวนการตรวจสอบรถยนต์อย่างเข้มข้นแล้ว หลังจากประเด็นอื้อฉาวนี้ปรากฏออกมาในช่วงปลายเดือนก่อน
การดำเนินการอย่างไม่เหมาะสมในขั้นตอนตรวจสอบรถยนต์ ทำให้นิสสันต้องเรียกคืนรถยนต์ที่ขายในญี่ปุ่นช่วง 3 ปีหลังสุดทั้งหมด จำนวน 1.2 ล้านคัน และในวันพฤหัสบดี (19 ต.ค.) ทางบริษัทยอมรับว่าอาจมีรถยนต์ที่ต้องตรวจสอบใหม่เพิ่มเติมอีกราวๆ 34,000 คัน
ประเด็นปัญหานี้สร้างความแปดเปื้อนแก่แบรนด์นิสสันภายในญี่ปุ่น และประกอบกับเรื่องอื้อฉาวปลอมแปลงข้อมูลในการตรวจสอบคุณภาพของ โกเบ สตีล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของญี่ปุ่น ได้ก่อคำถามเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรฐานการควบคุมคุณภาพของเหล่าผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่น
กระทรวงคมนาคมของญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อช่วงต้นเดือนว่า พวกเขาพบว่าโรงงานผลิตรถยนต์ของนิสสัน มีการใช้ช่างเทคนิคที่ขาดคุณสมบัติสำหรับประทับตรารับรองทางเทคนิค อนุมัติให้ผ่านการตรวจสอบรถยนต์ขั้นสุดท้าย ซึ่งละเมิดกฎระเบียบของทางกระทรวง
ผลก็คือ นิสสัน ต้องเรียกคืนรถยนต์เพื่อตรวจสอบในขั้นสุดท้ายใหม่ ในประเด็นต่างๆทั้งรัศมีวงเลี้ยว ประสิทธิภาพในการเบรกและเร่งความเร็ว ซึ่งน่าจะต้องใช้งบประมาณราวๆ 222 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในขณะที่ นิสสัน บอกว่าปัญหาดำเนินการอย่างไม่เหมาะสมในขั้นตอนตรวจสอบรถยนต์ ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพรถยนต์ของทางบริษัท แต่มันก็ก่อคำถามว่าโรงงานผลิตของพวกเขานั้นปฏิบัติตามกฎระเบียบมากน้อยแค่ไหน และยังกัดเซาะชื่อเสียงของบริษัทในตลาดภายในประเทศอีกด้วย
บริษัทผู้ผลิตเหล็กยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง “โกเบ สตีล” ยอมรับว่าบริษัทได้ปลอมแปลงข้อมูลที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของอลูมีเนียม และทองแดงอย่างเป็นระบบมาเป็นระยะเวลานานกว่าทศวรรษ ซึ่งส่งผลกระทบกับลูกค้าราวๆ 200 ราย โดยหนึ่งในนั้นมีบริษัทรถยนต์ชื่อดังอย่างโตโยต้าด้วย