เอ็กซ์เพรส - สื่อต่างประเทศเผยแพร่ภาพช็อก ย้อนอดีตเมื่อปี 1990 เหตุการณ์ที่นักบินของสายการบินบริติชแอร์เวย์ส ถูกอากาศดูดปลิวออกทางหน้าต่างเครื่องบิน เคราะห์ดีที่เพื่อนร่วมงานคว้าตัวไว้ได้ทัน รอดตายอย่างปาฏิหาริย์
เอ็กซ์เพรส สื่อมวลชนระบุว่าภาพดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่นักบินถูกดูดออกจากหน้าต่างห้องนักบินของเครื่องบินสายการบินบริติชแอร์เวย์ส เมื่อ 27 ปีก่อน และด้วยภาพดังกล่าวกลับมาปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้เรื่องราวของเหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งนั้นกลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง
รายงานสรุปของเหตุการณ์เผยว่า บานกระจกหน้าต่างถูกติดตั้งอย่างไม่ถูกต้องระหว่างงานซ่อมบำรุง โดยขันนอตผิดขนาด เป็นเหตุให้บานกระจกหน้าต่างหลุดจากเครื่องบินขณะที่กำลังบินอยู่ที่ระดับความสูง 17,400 ฟุต
กัปตัน ทิม แลนคาสเตอร์ ซึ่งตอนนั้นมีอายุ 42 ปี ถูกลากออกทางหน้าต่าง สืบเนื่องจากห้องนักบินสูญเสียความดัน แต่ปาฏิหาริย์เขารอดชีวิตจากเหตุการณ์อันแสนระทึกครั้งนี้
ไนเจล ออกเดน ลูกเรือบนเครื่องบิน จัดการคว้าเข็มขัดของเขาได้ทัน ดึงตัวเขาไว้ไม่ให้ปลิวออกไปนอกเครื่องบิน โดยที่ขาของเขายังอยู่ภายในตัวเครื่อง
ด้วยกระแสลมที่ถาโถมเข้ามาในตัวเครื่องบิน ทำให้คันโยกควบคุมกำลังเครื่องยนต์เคลื่อนที่และเป็นเหตุให้เครื่องบินโดยสารลำนี้เร่งความเร็วขึ้นไปอีกระหว่างเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง
ในระหว่างนั้น กัปตันแลนคาสเตอร์ต้องเผชิญกับสถานการณ์คับขันเนื่องจากท่อนบนของร่างกายที่โผล่ออกไปนอกเครื่องบิน กระแทกไปมากับจมูกเครื่องบิน ท่ามกลางลมแรง 345 ไมล์ต่อชั่วโมง (555 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และอุณหภูมิ -17 องศาเซลเซียส
สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เมื่อ ออกเดน เริ่มอ่อนแรงและมีทีท่าจะคว้าตัวกัปตันแลนคาสเตอร์ไว้ไม่ไหวแล้ว แต่เคาะห์ดีที่ จอห์น ฮีเวิร์ด หัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องและลูกเรืออีกคน ไซมอน โรเจอร์ส เข้ามารับช่วงต่อได้ทันเวลา
เหตุการณ์ระทึกขวัญดังกล่าวกินเวลาประมาณ 22 นาที และจบลงด้วยเครื่องบินไปลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานเซาต์แฮมป์ตัน โดย แลนคาสเตอร์ ถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลในทันที หลังจากเขาหมดสติ ทั้งนี้เขาได้รับบาดเจ็บกระดูกแขนขวาแตก นิ้วหัวแม่มือซ้ายและข้อมือขวาหัก รวมถึงบาดแผลจากการถูกความเย็นกัด
ส่วน ออกเดน ได้รับบาดเจ็บไหล่เคลื่อนและเนื้อเยื่อบริเวณใบหน้าและตาถูกทำลายเพราะความเย็นจัด อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเกษียณอายุในปี 2001
แต่ที่ไม่น่าเชื่อก็คือกัปตันแลนคาสเตอร์ สามารถกลับมาขึ้นบินได้อีกครั้งในอีก 5 เดือนต่อมา และย้ายไปทำงานกับสายการบินอีซีย์เจ็ตในปี 2005
ไม่มีผู้โดยสารหรือลูกเรือคนอื่นๆได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ระทึกขวัญดังกล่าว โดย มาร์กาเร็ต ซิมมอนด์ หนึ่งในผู้โดยสาร เปิดเผยกับสำนักข่าวพีเอ ในตอนนั้นว่า “ฉันเห็นร่างชายคนหนึ่งห้อยออกนอกหน้าต่าง ชาย 2 คนและผู้หญิงคนหนึ่งจับขาของเขาเอาไว้ พวกเขาพยายามดึงไม่ให้เขาถูกดูดออกไปนอกเครื่องบิน”
ผลการสืบสวนเหตุการณ์นี้พบว่าวิศวรกรใช้นอตตัวเล็กเกินไป ทำให้มันหลุดออกตอนที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันอากาศ ซึ่งนับตั้งแต่นั้น สายการบินบริติชแอร์เวย์สได้ปรับเปลี่ยนเอานอตขันหน้าต่างมาไว้ภายในตัวเครื่องบินแทน