รอยเตอร์ - สหรัฐฯ ยังไม่ปิดโอกาสในการเจรจาโดยตรงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ จอห์น เอส. ซัลลิแวน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุวันนี้ (17 ต.ค.) เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่โสมแดงขู่ว่าสงครามนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ อาจปะทุขึ้นเมื่อใดก็ได้
จีนเรียกร้องให้วอชิงตันและเปียงยางยอมหันหน้าพูดคุยกันเพื่อบรรเทาความตึงเครียด แต่สหรัฐฯ และพันธมิตรอย่างญี่ปุ่นก็ยังลังเลที่จะร่วมโต๊ะเจรจากับเกาหลีเหนือ ในขณะที่พวกเขายังไม่หยุดพัฒนาขีปนาวุธที่อาจส่งหัวรบนิวเคลียร์ไปถล่มแผ่นดินอเมริกาได้
“เราไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการเปิดเจรจาทางตรง” ซัลลิแวน ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน หลังหารือร่วมกับรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่กรุงโตเกียว
“เรายังหวังว่าวิธีเจรจาทางการทูตจะช่วยแก้ปัญหาเกาหลีเหนือได้ แต่อย่างไรก็ตาม เราและประเทศพันธมิตร เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอื่นๆ จะต้องเตรียมรับสถานการณ์ขั้นเลวร้ายที่สุดด้วย หากการทูตไม่ได้ผล” เขากล่าว
สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีร้อนระอุหนักหลังจากที่โสมแดงทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ อีกทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กับผู้นำ คิม จองอึน ยังแถลงข่มขู่กันไปมา จนหลายฝ่ายวิตกว่าจะเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธในที่สุด
ใบปลิวที่เขียนด่า ทรัมป์ เป็น “สุนัขบ้า” และวาดภาพผู้นำสหรัฐฯ อย่างน่าเกลียดน่ากลัวไปปรากฏอยู่ในย่านใจกลางกรุงโซลในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สะท้อนถึงการยกระดับโฆษณาชวนเชื่อของเปียงยาง
“สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีซึ่งทั่วโลกกำลังให้ความสนใจนั้นเริ่มมาถึงจุดวิกฤต และสงครามนิวเคลียร์อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้” คิม อินรยอง รองเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำองค์การสหประชาชาติ กล่าวต่อคณะกรรมการสมัชชาใหญ่ยูเอ็นเมื่อวานนี้ (16)
“ประเทศใดที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ เพื่อรุกรานเกาหลีเหนือ เราก็ไม่มีเจตนาเอาอาวุธนิวเคลียร์มาใช้หรือข่มขู่พวกเขา”
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือมาแล้วหลายครั้งตั้งแต่พวกเขาเริ่มทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 2006 แต่บทลงโทษชุดล่าสุดนับว่ารุนแรงเป็นประวัติการณ์ โดยยูเอ็นได้ห้ามโสมแดงส่งออกถ่านหิน แร่เหล็ก และอาหารทะเล ซึ่งจะทำให้รายได้จากการส่งออกของเกาหลีเหนือที่สูงถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีหายไปราวๆ 1 ใน 3
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า พวกผู้นำโสมแดงกำลังมองหาช่องทางอื่นๆ ที่จะดึงสกุลเงินแข็งเข้าประเทศ เพื่อพยุงเศรษฐกิจและอุดหนุนโครงการพัฒนาอาวุธให้เดินหน้าต่อไปได้
บริษัทด้านความมั่นคงไซเบอร์ บีเออี ซิสเต็มส์ พีซีแอล ยืนยันเมื่อวานนี้ (16) ว่า กลุ่มแฮกเกอร์โสมแดง “ลาซารัส” (Lazarus) น่าจะอยู่เบื้องหลังการเจาะระบบปล้นเงินธนาคารของไต้หวัน โดยสำนักข่าวกลางไต้หวันรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า แฮกเกอร์กลุ่มนี้พยายามขโมยเงินถึง 60 ล้านดอลลาร์ไปจากธนาคาร ฟาร์ อีสเทิร์น แต่ทางธนาคารนำเงินกลับคืนมาได้เกือบทั้งหมด หายไปเพียง 500,000 ดอลลาร์เท่านั้น
รัฐบาลโสมแดงยังอนุญาตให้พลเมืองที่อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปสามารถพนันแข่งม้าได้เป็นครั้งแรก ทั้งที่ก่อนหน้านี้โทษของการเล่นพนันในเกาหลีเหนือคือใช้แรงงานหนัก 3 ปี
“คุณอาจหัวเราะเยาะ คิม จอง อึน ว่าสร้างสถานบันเทิงหรูหรา ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มีจะกิน แต่สถานที่เหล่านี้มีไว้เพื่อดึงดูดเงินตราต่างประเทศสกุลแข็งๆ ไม่ใช่จากชาวต่างชาติ แต่เป็นพวกคนร่ำรวยในเกาหลีเหนือเอง เพราะคนเหล่านี้จะต้องจ่ายเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเหรินหมินปี้เท่านั้น” ลี ซังกึน นักวิจัยจากสถาบันเพื่อการรวบรวมชาติศึกษา มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวาในกรุงโซล อธิบาย
“ชาวเกาหลีเหนือมากมายทำเงินจากที่นี่เป็นกอบเป็นกำ เสร็จแล้วก็ไปนั่งกินแฮมเบอร์เกอร์ในร้านอาหาร และเดินจับจ่ายซื้อสินค้า ทั้งหมดนี้ล้วนเพิ่มเงินเข้าคลังของรัฐบาลเกาหลีเหนือทั้งสิ้น และนี่คือเหตุผลหนึ่งว่าทำไมระบอบโสมแดงถึงยังมีเงินใช้ไม่ขาดมือ ทั้งที่ถูกนานาชาติคว่ำบาตรอย่างหนัก”