เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันในวันจันทร์ (16 ต.ค.) ว่าวอชิงตันไม่ได้เลือกข้าง หลังเกิดการปะทะกันระหว่างทหารรัฐบาลอิรักและกองกำลังชาวเคิร์ดในประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ลุกลามบานปลาย หลังเขตปกครองตนเองชาวเคิร์ดออกเสียงลงประชามติเพื่อแยกตัวออกไปเป็นเอกราชเมื่อเดือนที่แล้ว
ในถ้อยแถลงซึ่งมีขึ้นหลังจากทหารและรถถังของอิรัก บุกจู่โจมทั่วจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศ เข้ายึดเป้าหมายด้านน้ำมันและทางทหารจากชาวเคิร์ด เช่นเดียวกับสำนักงานของผู้ว่าการในเมืองเคอร์คุก ทรัมป์ แสดงจุุดยืนอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่กระโจนเข้าสู่ข้อพิพาทระหว่าง 2 พันธมิตรของสหรัฐฯ ที่ร่วมต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)
“เราไม่ได้เลือกข้าง แต่เราไม่ชอบหรอกกับข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขากำลังสู้รบกัน” ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าว “เรามีความสัมพันธ์ที่ดียิ่งกับพวกเคิร์ดมานานหลายปี เราอยู่ฝ่ายอิรักเช่นกัน เราไม่ได้เลือกข้างในศึกนี้”
การออกเสียงลงประชามติเพื่อแยกตัวออกเป็นเอกราชเมื่อเดือนที่แล้วของชาวเคิร์ดและปฏิกิริยาตอบโต้อย่างดุเดือดจากอิรัก มีขึ้นหลังจากสองฝ่ายขัดแย้งกันมาอย่างยาวนาน เกี่ยวกับความปรารถนาได้อำนาจปกครองตนเองมากขึ้นของชาวเคิร์ด หากไม่สามารถตั้งรัฐของตนเองตามแนวชายแดนติดกับตุรกีได้
ที่เพนตากอน นาวาเอกร็อบ แมนนิ่ง โฆษกบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่ากองทัพสหรัฐฯ ไม่ได้เลือกข้างหรือให้การสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในเหตุเผชิญหน้าที่เมืองเคอร์คุก “ในขณะที่เราสนับสนุนความเป็นเอกภาพของอิรัก เราไม่สนับสนุนทั้งสองฝ่ายเล่นงานกันและกัน” เขากล่าว “เราคัดค้านความรุนแรงจากทุกฝ่ายและเรียกร้องละเว้นความเคลื่อนไหวที่ก่อความไร้เสถียรภาพใดๆ ที่อาจหันเหสมาธิไปจากการสู้รบกับพวกไอเอส”
โฆษกรายนี้เรียกการตัดสินใจจัดลงประชามติว่า “เคราะห์ร้าย” และเรียกร้องให้เจรจาและดำเนินการใดๆภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญของอิรัก พร้อมยืนยันว่ามีทหารสหรัฐฯ ประจำอยู่กับกองทัพทั้งสองฝ่ายในจังหวัดเคอร์คุก แต่ไม่ได้เผยว่ามีจำนวนเท่าใด