เกิดเหตุโจมตีด้วยคาร์บอมบ์ 2 คัน ในกรุงโมกาดิชู โซมาเลีย สังหารคนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ 2 จุด ไปอย่างน้อย 22 คน เมื่อวานนี้ (14 ต.ค.) แต่ล่าสุดแหล่งข่าวความมั่นคงและการแพทย์โซมาเลีย ชี้ ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 53 รายแล้ว เบื้องต้นยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ พบผู้นำโซมาเลีย โมฮัมเหม็ด อับดุลลาฮี โมฮัมเหม็ด เดินทางไปเข้ารับบริการบริจาคเลือดที่โรงพยาบาลเพื่อช่วยเหลือเหยื่อผู้บาดเจ็บ
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (15 ต.ค.) ว่า เกิดเหตุก่อการร้ายขึ้นกลางกรุงโมกาดิชู ของโซมาเลีย ในวันเสาร์ (14 ต.ค.) โดยในการระเบิดครั้งแรกเกิดขึ้นบริเวณแยกเค 5 (K5) ซึ่งเป็นที่ตั้งของย่านสำนักงานออฟฟิศรัฐบาล โรงแรม และภัตตาคารต่างๆ การระเบิดส่งผลทำให้มีอาคารจำนวนหนึ่งถูกทำลาย และรถราที่อยู่ใกล้บริเวณจำนวนหลายสิบคันตกเป็นเหยื่อของพระเพลิง
ด้าน อับดุลลาฮี นัวร์ (Abdullahi Nur) ตำรวจโซมาเลียซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุได้ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ ว่า “ทางเรารู้ในตอนนี้ ว่า มีผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือนอย่างน้อย 20 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนหลายสิบ”
นัวร์กล่าวต่อว่า “จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ในเวลานี้ทางเรากำลังยุ่งอยู่กับการนำตัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตออกไป” โดยทางเจ้าหน้าที่โซมาเลีย ชี้ว่า ยังคงมีร่างที่ติดอยู่ใต้ซากกองอิฐที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือออกมา
อย่างไรก็ตาม ในอีก 2 ชม. ต่อมา พบมีการระเบิดเกิดขึ้นอีกครั้งที่เขตมาดินา (Madina) ในกรุงโมกาดิชู ไซอัด ฟาราห์(Siyad Farah) เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับพันตำรวจตรีของโซมาเลีย เปิดเผยว่า “เป็นคาร์บอมบ์ มีพลเรือน 2 ราย เสียชีวิต และชี้ว่า ทางตำรวจโซมาเลียสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ระหว่างความพยายามที่จะวางระเบิด
ล่าสุด เอพีรายงานว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่การแพทย์และเจ้าหน้าที่ความมั่นคงโซมาเลีย ออกมาเปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตในเหตุคาร์บอมบ์ ว่า มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 53 ราย
โดย ร้อยตำรวจเอก โมฮัมเหม็ด ฮุสเซน (Mohamed Hussein) ได้เปิดเผยกับเอพี ว่า มีคนจำนวนมากได้ไปจบชีวิตที่โรงพยาบาลเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ รัฐบาลโซมาเลียยังไม่มีรายงานตัวเลขเสียชีวิตอย่างเป็นทางการออกมา เอพีชี้ว่า ในขณะที่ทั่วทั้งกรุงโมกาดิชู เสียงไซเรนของรถพยาบาลฉุกเฉินยังคงได้ยินไปทั่ว รวมไปถึงบรรดาญาติและครอบครัวต่างพยายามค้นหาบุคคลอันเป็นที่รัก
ส่วน ประธานาธิบดีโซมาเลีย โมฮัมเหม็ด อับดุลลาฮี โมฮัมเหม็ด (Mohamed Abdullahi Mohamed) มีรายงานว่า เป็นหนึ่งของฝูงชนที่เข้าคิวต่อแถวเข้ารับการบริจาคเลือดเพื่อผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์คาร์บอมบ์ครั้งร้ายแรงของประเทศนี้
รอยเตอร์รายงานว่า มาจนถึงเวลานี้ยังไม่มีรายงานว่ามีกลุ่มใดออกมาแสดงตัวรับผิดชอบ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ร้ายในโซมาเลีย กลุ่มก่อการร้ายอัลเชบับจะอยู่เบื้องหลังก็ตาม