เอเอฟพี – นักเศรษฐศาสตร์ชาวสหรัฐฯ ริชาร์ด เทเลอร์ ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในวันนี้ (9) จากผลงานบุกเบิกของเขาที่เชื่อมช่องว่างระหว่างเศรษฐศาสตร์และจิตวิทยา คณะกรรมการ ระบุ
“ด้วยการสำรวจผลลัพธ์ของความมีเหตุมีในขอบเขตจำกัด ความพึงพอใจทางสังคม และการขาดความยับยั้งชั่งใจ เขาแสดงให้เห็นว่า ลักษณะเฉพาะของมนุษย์เหล่านี้ส่งผลต่อการตัดสินใจส่วนตัวตลอดจนผลลัพธ์ของตลาดอย่างไร”
“ผลการค้นพบเชิงประจักษ์และความเข้าใจทางทฤษฎีของเขาเป็นเครื่องมือในการสร้างแง่มุมใหม่ที่กำลังแผ่ขยายอย่างรวดเร็วของเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมซึ่งมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการวิจัยและนโยบายทางเศรษฐกิจในหลายๆ ด้าน”
เทเลอร์บอกกับคณะกรรมการโนเบลผ่านการประชุมทางวีดิทัศน์ว่า เขารู้สึกยินดีที่ได้รับรางวัลนี้
“ผมรู้สึกยินดี ผมจะได้ไม่ต้องเรียกเพื่อนร่วมงานของผม ยูจีน ฟามา ว่า “ศาสตราจารย์ฟามา” ในระหว่างออกรอบด้วยกันอีกต่อไปแล้ว” เขาเล่นมุข โดยอ้างถึงเพื่อนร่วมงานที่มหาวิทยาลัยชิคาโกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์เมื่อปี 2013
ชายวัย 72 ปีรายนี้ได้รับเงินรางวัลรวม 9 ล้านโครเนอร์ (ราว 36 ล้านบาท) เขาเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก สถาบันซึ่งได้รับความนิยมในหมู่คณะกรรมการเศรษฐศาสตร์ของโนเบล จากผู้ได้รับรางวัลทั้งหมด 79 คน หนึ่งในสามอยู่ในคณะเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
เทเลอร์เคยปรากฏตัวในภาพยนตร์ปี 2015เรื่อง “The Big Short” ที่เกี่ยวกับภาวะแตกฟองสบู่ของสินเชื่อและอสังหาริมทรัพย์ที่นำไปสู่วิกฤตการเงินโลกปี 2008
เมื่อปีที่แล้ว รางวัลนี้เป็นของนักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายอังกฤษ โอลิเวอร์ ฮาร์ท และ เบนจต์ โฮล์มสตรอม ชาวฟินแลนด์จากงานวิจัยเกี่ยวกับทฤษฎีการทำสัญญาที่ช่วยในการออกแบบนโยบายประกันภัยและค่าจ้างผู้บริหาร
รางวัลสาขาเศรษฐศาสตร์มีลักษณะเฉพาะแตกต่างจากรางวัลโนเบลสาขาอื่นๆ เนื่องจากถูกก่อตั้งโดยธนาคารกลางสวีเดนเมื่อปี 1968 ในขณะที่รางวัลอื่นๆ ล้วนได้รับการก่อตั้งผ่านพินัยกรรมปี 1985 ของนักประดิษฐ์และเศรษฐีผู้ใจบุญ อัลเฟรด โนเบล