รอยเตอร์ - สมาคมไรเฟิลแห่งชาติสหรัฐฯ (NRA) ซึ่งเป็นองค์กรล็อบบี้ยิสต์ที่ต่อต้านกฎหมายควบคุมอาวุธปืนมาโดยตลอด ประกาศวานนี้ (5 ต.ค.) ว่า พร้อมสนับสนุนมาตรการคุมเข้มการจำหน่ายอุปกรณ์พิเศษที่ช่วยให้มือปืนลาสเวกัสสามารถรัวกระสุนใส่เหยื่อได้ราวกับปืนกล
ตำรวจสหรัฐฯ ระบุว่า สตีเฟน แพดด็อก ซึ่งก่อเหตุกราดยิงคอนเสิร์ตเพลงคันทรีที่นครลาสเวกัส เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ติดตั้งอุปกรณ์ที่เรียกว่า “บัมพ์สต็อก” ไว้บนปืน 12 กระบอก ทำให้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติสามารถสาดกระสุนต่อเนื่องได้เหมือนปืนกลซึ่งเป็นอาวุธต้องห้ามในสหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่ชี้ว่า การที่ แพดด็อก สามารถยิงกระสุนหลายร้อยนัดต่อนาทีเป็นเวลา 10 นาทีเศษๆ จากชั้น 32 ของโรงแรมมัณฑะเลย์เบย์ คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีคนตายมากถึง 58 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 500 คน ก่อนที่เขาจะลั่นไกปลิดชีพตัวเองเพื่อหนีการจับกุม
โศกนาฏกรรมครั้งนี้ถูกยกให้เป็นการสังหารหมู่ครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ยุคใหม่ ทำลายสถิติเหตุกราดยิงไนต์คลับเกย์ที่เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 49 รายเมื่อปีที่แล้ว
เอ็นอาร์เอ แถลงเมื่อวานนี้ (5) ว่า แม้อุปกรณ์บัมพ์สต็อกจะไม่ใช่ของผิดกฎหมาย “แต่ควรมีกฎระเบียบเพิ่มเติม” เพื่อควบคุมการจำหน่าย
แกนนำพรรครีพับลิกันบางคนก็เริ่มแสดงท่าทีรอมชอม โดยระบุว่าพร้อมจะให้มีการควบคุมการขายบัมพ์สต็อก ซึ่งกลุ่มสนับสนุนกฎหมายควบคุมอาวุธปืนชี้ว่าเป็นหนึ่งในวิธีหลบเลี่ยงคำสั่งแบนปืนกล
“แน่นอนว่า มันเป็นสิ่งที่เราต้องทบทวน... ผมเองก็ไม่รู้จักอุปกรณ์ตัวนี้มาก่อนจนกระทั่งเกิดเรื่อง” พอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ต่อพิธีกรรายการวิทยุ ฮิวจ์ ฮิววิตต์
พรรคเดโมแครตถือโอกาสเรียกร้องให้มีการออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืนโดยเร็ว หลังโศกนาฏกรรมที่ลาสเวกัสได้ปลุกกระแสถกเถียงเรื่องสิทธิในการถือครองปืน ซึ่งได้รับการปกป้องโดยบทบัญญัติรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 2
เอ็นอาร์เอ เรียกร้องให้สำนักงานควบคุมแอลกอฮอล์ ยาสูบ ปืน และวัตถุระเบิด (U.S. Bureau of Alcohol, Tobacco, Firearms and Explosives) ออกระเบียบคุมเข้มการจำหน่ายบัมพ์สต็อก แทนที่จะชงเรื่องนี้ให้ลุกลามจนนำไปสู่กระบวนการออกกฎหมายใหม่
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสนับสนุนสิทธิในการพกปืนตามรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่า พร้อมจะให้มีมาตรการควบคุมบัมพ์สต็อก แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอุปกรณ์ตัวนี้ควรจะถูกแบนเลยหรือไม่ ทรัมป์ ก็ตอบแค่ว่า “เดี๋ยวค่อยมาว่ากันอีกทีเร็วๆ นี้”