เอเอฟพี - รัฐบาลบรูไนจัดพระราชพิธีเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่าน ฮัสซานัล โบลเกียห์ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในวันนี้ (5 ต.ค.) โดยมีประชาชนหลายพันคนเฝ้ารอรับเสด็จฯ อย่างเนืองแน่น ขณะที่พระราชยานสีทองอร่ามขององค์สุลต่านและพระราชินีเคลื่อนผ่านท้องถนนใจกลางกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของพระราชพิธีที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 สัปดาห์
บรูไนซึ่งปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และใช้กฎหมายอิสลาม (ชารีอะห์) อย่างเคร่งครัด ถือเป็นประเทศที่ร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของโลก ด้วยทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่อย่างมหาศาล
สุลต่าน ฮัสซานัล โบลเกียห์ ซึ่งมีพระชนมายุ 71 พรรษา เสด็จฯ ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนเมื่อวันที่ 5 ต.ค. ปี 1967 ทรงเป็นสุลต่านพระองค์ที่ 29 จากราชวงศ์ซึ่งปกครองดินแดนแห่งนี้มายาวนานกว่า 600 ปี รัชสมัยของพระองค์ครอบคลุมช่วงเวลาที่บรูไนได้รับเอกราชจากอังกฤษอย่างสมบูรณ์ ทรงดูแลประชากรราว 400,000 คน ของประเทศให้มีทั้งรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีติดอันดับต้นๆ ของโลก
แม้จะมีเสียงวิจารณ์ในแง่ลบต่อการนำกฎหมายชารีอะห์มาบังคับใช้อย่างเข้มงวดเมื่อปี 2014 รวมถึงการใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยเกินเหตุของพระบรมวงศานุวงศ์บางพระองค์ แต่พระราชพิธีในวันนี้ (5) ก็เป็นโอกาสให้ชาวบรูไนได้รำลึกถึงสิ่งดีๆ ที่ได้เกิดขึ้นภายใต้การปกครองขององค์สุลต่านในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา
พระราชพิธีวันนี้ (5) เริ่มต้นขึ้นเมื่อสุลต่านและสมเด็จพระราชินี อานัก ฮาจาห์ ซาเลฮา เสด็จพระดำเนินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศภายในพระราชวัง และมีการยิงสลุต 21 นัด จากนั้นเสด็จฯ ออก ณ พระที่นั่งองค์หนึ่งเพื่อทรงรับการเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรจากพระบรมวงศานุวงศ์ คณะรัฐมนตรี และแขกผู้มีเกียรติอื่นๆ
หลังจากนั้น สุลต่านและพระบรมวงศานุวงศ์ได้ประทับรถยนต์พระที่นั่งผ่านท้องถนนในกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ก่อนจะประทับพระราชยานสีทองที่เรียกว่า “อูซองงัน ดิราจา” (Usongan Diraja) ซึ่งจะใช้ในพระราชพิธีสำคัญๆ ของบรูไน
พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี จะมีไปจนถึงวันพรุ่งนี้ (6) ซึ่งสมเด็จพระราชาธิบดีจะทรงรับผู้นำประเทศในอาเซียนและตะวันออกกลาง เช่น ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย, นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก แห่งมาเลเซีย และ นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐพม่า และจะมีการพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำด้วย
เมลิสซา อิบรอฮีม พนักงานสายการบินซึ่งมาเฝ้ารอรับเสด็จฯ บอกว่า รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์สุลต่านที่ทรงดูแลพสกนิกรในรัฐเล็กๆ แห่งนี้ให้อยู่ดีกินดีมาโดยตลอด
“พระองค์ทรงห่วงใยประชาชนเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสวัสดิการ การศึกษา หรือระบบสาธารณสุข... ทุกอย่างได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล ดังนั้น พวกเราทุกคนจึงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง”