รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ได้สอบปากคำหญิงคนสนิทของ สตีเฟน เครก แพดด็อก มือปืนผู้ก่อเหตุกราดยิงคอนเสิร์ตในนครลาสเวกัสจนมีผู้เสียชีวิต 58 ศพก่อนลั่นกระสุนปลิดชีพตัวเองเมื่อคืนวันอาทิตย์ (1 ต.ค.) โดยเธอยืนยันว่าไม่เคยทราบมาก่อนว่า แพดด็อก มีแผนก่อเหตุรุนแรงทำร้ายใคร
มาริลู แดนลีย์ วัย 62 ปี ซึ่งเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวที่ฟิลิปปินส์และกลับมาถึงสหรัฐฯ เมื่อคืนวันอังคาร (3) กล่าวผ่านทนายความว่า เธอไม่ล่วงรู้หรือระแคะระคายมาก่อนเกี่ยวกับเหตุสังหารหมู่ที่ แพดด็อก ลงมือทำตอนที่เธอไปต่างประเทศ
“เขาไม่เคยพูดหรือแสดงออกอะไรที่ทำให้ดิฉันเอะใจว่าจะเกิดเรื่องร้ายเช่นนี้ขึ้น” แดนลีย์ ซึ่งถูกสอบปากคำอยู่ที่นครลอสแองเจลิส ระบุในคำแถลงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
“ดิฉันรู้จัก สตีเฟน แพดด็อก ว่าเป็นคนจิตใจดี เอาใจใส่ และเงียบขรึม ดิฉันรักเขาและหวังจะใช้ชีวิตร่วมกับเขาอย่างสงบเท่านั้น... ดิฉันไม่รู้มาก่อนเลยจริงๆ ว่าเขามีแผนก่อเหตุรุนแรงทำร้ายใคร”
แม็ตต์ ลอมบาร์ด ทนายความของแดนลีย์ ยืนยันว่าเธอ “ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนอย่างเต็มที่”
แดนลีย์ ซึ่งเป็นพลเมืองออสเตรเลียเชื้อสายฟิลิปปินส์ ระบุว่า เธอตัดสินใจบินกลับสหรัฐฯ ด้วยความเต็มใจ “เพราะทราบว่าเอฟบีไอและตำรวจลาสเวกัสต้องการพูดคุยกับดิฉัน และดิฉันเองก็อยากจะพูดด้วยเหมือนกัน”
แพดด็อก วัย 64 ปี เล็งปืนสาดห่ากระสุนลงมาจากหน้าต่างห้องสวีทชั้น 32 ของโรงแรมมัณฑะเลย์เบย์ในย่านลาสเวกัสสตริป ทำให้ผู้ชมคอนเสิร์ตเบื้องล่างเสียชีวิต 58 คน และอีกกว่า 500 คนได้รับบาดเจ็บ เขาลั่นกระสุนปลิดชีพตัวเองก่อนที่หน่วยสวาทจะบุกไปถึงห้องพัก ทำให้ยอดตายทั้งหมดกลายเป็น 59 ศพ
จากการตรวจค้นพบว่า ชายผู้นี้ได้ขนปืนเข้ามาในโรงแรมมากถึง 23 กระบอก โดยมีอยู่ 12 กระบอกที่ติดตั้งอุปกรณ์ “บัมพ์สต็อก” ซึ่งช่วยให้สามารถยิงรัวต่อเนื่องได้เหมือนปืนกล
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เดินทางไปถึงนครลาสเวกัสเมื่อวันพุธ (4) เพื่อปลอบขวัญประชาชนในเหตุสังหารหมู่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ม.ค.
แดนลีย์ อาศัยอยู่กับ แพดด็อก ในชุมชนคนวัยเกษียณที่เมืองเมสคีต รัฐเนวาดา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของลาสเวกัส ก่อนจะเดินทางไปฟิลิปปินส์เมื่อช่วงกลางเดือน ก.ย.
เอฟบีไอได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดักรอเธอทันทีที่เครื่องบินลงจอดที่นครลอสแองเจลิสเมื่อค่ำวันอังคาร (3) และเชิญตัวไปสอบปากคำ และจากข้อมูลเมื่อเที่ยงวันพุธ (4) ยังไม่พบสิ่งใดๆ บ่งชี้ว่าเธอรู้เห็นเป็นใจกับมือปืน
พนักงานสอบสวนได้ถาม แดนลีย์ เรื่องเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐที่ แพดด็อก โอนไปให้เธอผ่านธนาคารในฟิลิปปินส์ และยังถามด้วยว่าเธอสังเกตเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของเขาบ้างหรือไม่ก่อนจะออกจากสหรัฐฯ
“สมมติว่าเธอไม่รู้เห็นการกระทำของเขาจริงๆ แต่เธออาจจะบอกได้ว่า แพดด็อก มีแรงจูงใจอะไรที่ทำเช่นนี้” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ระบุ
แดนลีย์ ระบุในคำแถลงว่า แพดด็อก ซื้อตั๋วเครื่องบินให้เธอไปเยี่ยมครอบครัว และยังโอนเงินไปให้ซื้อทรัพย์สินในฟิลิปปินส์ด้วย ทำให้เธอนึกสงสัยว่าเขาอาจต้องการแยกทางกับเธอ
ด้าน อีริค ซึ่งเป็นน้องชายของ แพดด็อก ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เงิน 100,000 ดอลลาร์ที่พี่ชายโอนไปให้ แดนลีย์ นั้นแสดงให้เห็นว่า “สตีฟใส่ใจคนที่เขารัก” และคงอยากปกป้องเธอด้วยการส่งเธอไปเมืองนอก ก่อนที่ตนเองจะลงมือก่อเหตุ
ทางการสหรัฐฯ ยังคงมืดแปดด้านเกี่ยวกับแรงจูงใจที่ทำให้ แพดด็อก ก่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ขึ้น เพราะเขาไม่มีประวัติก่ออาชญากรรม ไม่เคยป่วยทางจิต และไม่มีสัญญาณภายนอกบ่งชี้ว่าเขาชิงชังสังคม มีปมการเมือง หรือว่ารับแนวคิดสุดโต่ง
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนยังไม่พบหลักฐานว่า แพดด็อก ติดต่อกับกลุ่มหัวรุนแรง หรือพยายามสื่อสารกับกลุ่มติดอาวุธทางโลกออนไลน์ซึ่งอาจจะเป็นแรงจูงใจให้เขาลงมือกราดยิง