“ทรัมป์” เปิดห้องรูปไข่ต้อนรับผู้นำไทย หวานเจี๊ยบยกย่อง “ประยุทธ์” หวังขายของให้ไทยมากขึ้น

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันจันทร์ (2 ต.ค.) ยกย่องนายกรัฐมนตรีของไทยในความพยายามก้าวต่อไปข้างหน้า แสดงความเป็นอันหนึ่งเดียวกันและหวังยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้า หลังจากเหตุรัฐประหารเคยสั่นคลอนหนึ่งในพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกาแห่งนี้

รายงานข่าวของเอเอฟพีระบุว่า ทรัมป์ยกย่องการเยือนของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า “เป็นเกียรติอย่างสูง” สัญลักษณ์แสดงความเป็นอันหนึ่งเดียวกับบุรุษที่อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจเมื่อปี 2014 ซึ่งผลก็คือถูกวอชิงตันตัดลดความช่วยเหลือและระงับความสัมพันธ์

“เรามีประวัติศาสตร์อันยาวนานยิ่งกับไทย” ทรัมป์กล่าว ระหว่างเปิดห้องทำงานรูปไข่ต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ “ปัจจุบันความสัมพันธ์ของเราเข้มแข็งมาก และผมเริ่มเข้มแข็งขึ้นในช่วง 9 เดือนหลัง”

ก่อนหน้าการหารือ ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความประสงค์ปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับไทย โดยเขาเผยว่าประเด็นการค้าจะอยู่ในวาระการหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์

“ความสัมพันธ์ของเราในด้านการค้าเริ่มมีความสัมพันธ์มากขึ้นและไทยเป็นประเทศสำคัญที่ต้องทำการค้าด้วย” ทรัมป์บอกกับเจ้าหน้าที่ไทยต่อหน้าผู้สื่อข่าว “ผมคิดว่าถ้าเป็นไปได้เราจะพยายามขายของให้พวกคุณมากกว่านี้”

ความสัมพันธ์ระหว่างกรุงเทพฯ กับวอชิงตันมีมาอย่างยาวนาน ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 180 ปีก่อน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของไทยที่ได้รับเชิญให้เยือนทำเนียบขาวนับตั้งแต่ปี 2005

ทรัมป์ออกคำเชิญถึง พล.อ.ประยุทธ์ให้เดินทางเยือนทำเนียบขาว หลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม ส่วนหนึ่งเกิดจากความกังวลกรณีไทยหันไปมีความสัมพันธ์ทางทหารใกล้ชิดกับจีน

เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ หวั่นเกรงไทยจะหันไปซื้ออาวุธจากจีนมากขึ้นและสูญเสียการเข้าถึงท่าเรือของกองทัพไทย ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือที่ไว้วางใจได้เพียงหนึ่งเดียวตามแนวชายฝั่งอันยาวเหยียดจากทางเหนือของจีน ผ่านเวียดนาม ไปจนถึงมาเลเซีย

ในรายงานของเอเอฟพีระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งใส่ชุดสูทสีดำและเนกไทดำเพื่อแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่จะมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในช่วงปลายเดือนนี้ ยังได้แสดงความเป็นอันหนึ่งเดียวกับประชาชนชาวอเมริกัน โดยกล่าวแสดงความเสียใจต่อเหยื่อพายุเฮอริเคนในดินแดนเปอร์โตริโก และเหตุสังหารหมู่ในลาสเวกัส

เมอร์เรย์ ไฮเบิร์ต ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกเฉียงใต้ประจำศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และนานาชาติ กล่าวว่า “การพบปะกับประยุทธ์เพียงครั้งเดียวไม่อาจเยียวยาความรู้สึกชอกช้ำในหมู่คนชั้นสูงทางการเมืองของไทย แต่อย่างน้อยมันก็เปิดทางความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะกลับมาแข่งขันกับจีนอีกครั้ง สำหรับการมีอิทธิพลในประเทศซึ่งมีทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์อยู่แก่นกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”