เอเอฟพี - ผู้ต้องหาหญิงชาวเวียดนามและอินโดนีเซียยืนกรานปฏิเสธข้อหาฆาตกรรม คิม จอง นัม พี่ชายต่างมารดาของผู้นำเกาหลีเหนือวันนี้ (2 ต.ค.) ขณะที่อัยการมาเลเซียกล่าวหาว่าทั้งคู่ได้รับการฝึกกลยุทธ์ลอบสังหารยุคสงครามเย็นก่อนที่จะลงมือ
ซีตี ไอชาห์ (Siti Aisyah) วัย 25 ปี และ ด่วน ถิเฮือง (Doan Thi Huong) วัย 29 ปี ถูกคุมตัวไปที่ศาลสูง ชาห์ อะลัม ในสภาพสวมกุญแจมือและเสื้อกันกระสุน โดยศาลได้แจ้งข้อกล่าวหาฆาตกรรมเป็นภาษาเวียดนามและอินโดนีเซีย และทั้งสองให้การปฏิเสธผ่านล่ามแปลภาษา
ทั้งคู่ถูกตำรวจมาเลเซียรวบตัวได้ภายในไม่กี่วัน หลังจากที่ คิม จอง นัม ถูกลอบสังหารด้วยยาพิษขณะกำลังรอขึ้นเครื่องบินไปมาเก๊าที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ปีนี้
หญิงทั้งสองถูกกล่าวหาว่าใช้สาร “วีเอ็กซ์” ซึ่งมีฤทธิ์ทำลายระบบประสาทลูบเข้าที่ใบหน้าของ คิม โดยสารพิษไร้สี-ไร้กลิ่นชนิดนี้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ขึ้นบัญชีเป็นหนึ่งใน “อาวุธทำล้ายล้างสูง”
สารวีเอ็กซ์เข้าไปทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ คิม เสียชีวิตอย่างทรมานภายใน 20 นาที โดยกล้องวงจรปิดของสนามบิน KLIA2 สามารถบันทึกเหตุการณ์ขณะที่คนร้ายลงมือเอาไว้ได้
จำเลยทั้งสองซึ่งอาจต้องโทษถึงประหารชีวิตอ้างว่าทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และถูกหลอกให้คิดว่ากำลังถ่ายทำรายการทีวีอำกันเล่น
คดีนี้ยังกัดเซาะความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างมาเลเซียและเกาหลีเหนือ เนื่องจากเชื่อว่าพี่ชายผู้นำโสมแดงน่าจะโดนใบสั่งตายจากเปียงยาง
อัยการมาเลเซีย มูฮาหมัด อิสกันดาร์ อะหมัด กล่าวหาจำเลยทั้งสองว่า “มีเจตนาที่จะฆ่า” พร้อมระบุว่าทั้งคู่ถูกฝึกให้จู่โจมเหยื่อในลักษณะนี้ก่อนจะลงมือจริง ส่วนชาวโสมแดงอีก 4 รายที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฆาตกรรม คิม จอง นัม ได้หลบหนีออกจากมาเลเซียตั้งแต่วันเกิดเหตุ
“การที่พวกเธอถูกฝึกให้อำคนนั้นคนนี้เล่น ก็เพื่อให้มั่นใจว่าเหยื่อจะไม่มีทางรอด” อัยการกล่าว
อย่างไรก็ตาม ทนายจำเลยแย้งว่าข้อกล่าวหาเช่นนี้กำกวม และเรียกร้องให้ศาลเปิดเผยตัวตนผู้ต้องหาอีก 4 คนที่ถูกอ้างถึง ทว่าผู้พิพากษา อัซมี อาริฟฟีน ไม่ยินยอม
ทนายของหญิงทั้งสองเชื่อว่า ชาวเกาหลีเหนือ 4 คนซึ่งถูกปกปิดชื่อน่าจะเป็นผู้ต้องสงสัยหลัก ส่วนลูกความของพวกเขาซึ่งเป็นเพียงแรงงานต่างด้าวในมาเลเซียน่าจะถูกหลอกให้ร่วมมือด้วยเท่านั้น
โมฮาหมัด ซุลกอร์นัยน์ ตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในสนามบิน KLIA2 ให้การต่อศาลว่า คิม ถูกเจ้าหน้าที่อีกคนพามาแจ้งความ และตนสังเกตเห็นว่าดวงตาของเขานั้นแดงก่ำและมีคราบของเหลวติดอยู่
ระหว่างที่พาเดินไปคลินิก พี่ชายผู้นำโสมแดงก็บอกให้ตำรวจช่วยเดินช้าๆ หน่อย
“คุณครับ ช่วยเดินช้าๆ หน่อย ตาผมพร่ามองอะไรไม่เห็นเลย” ซุลกอร์นัยน์ วัย 31 ปี อ้างคำพูดของ คิม พร้อมเล่าต่อไปว่า “ผมเห็นเขาทรุดลงบนเก้าอี้ และเจ้าหน้าที่การแพทย์ก็พยายามช่วยกันปฐมพยาบาลเขาอย่างรีบด่วน”
ซูเลียนา อิดรีส เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ประจำสนามบินซึ่งเป็นคนแรกที่ คิม จอง นัม เดินเข้าไปขอความช่วยเหลือ ยืนยันว่าผู้ตายได้บอกกับเธอว่าถูกหญิง 2 คนทำร้ายจากทางด้านหลัง
เกาหลีใต้กล่าวหารัฐบาลเปียงยางว่าบงการฆ่าบุตรชายคนโตของอดีตผู้นำ คิม จอง อิล ซึ่งมักจะออกมาวิจารณ์ระบอบโสมแดงในทางเสียๆ หายๆ หลังหลบหนีไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ
นอกจากชาวเกาหลีเหนือ 4 คนที่หลบหนีไปทันทีหลัง คิม จอง นัม ถูกฆ่า รัฐบาลมาเลเซียยังยอมอนุญาตให้เจ้าหน้าที่โสมแดงอีกหลายคนที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันคดีนี้ออกนอกประเทศ เพื่อบรรเทาวิกฤตทางการทูต