เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - องค์การกาชาดแถลงว่า มีตัวเลขผู้ที่ถูกอพยพออกนอกพื้นที่ใกล้กับภูเขาไฟอกุง (Mount Agung ) บนเกาะบาลี ล่าสุดอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 42,000 รายแล้ว ท่ามกลางการเกิดแผ่นดินไหวรอบเขตภูเขาไฟอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง เจ้าหน้าที่เชื่อ มีความเป็นไปได้สูงว่า เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปีที่ภูเขาไฟลูกนี้อาจเกิดระเบิด ด้านสถานทูตไทยออกคำเตือนนักท่องเที่ยว ส่วนสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ประกาศ จับตาอย่างใกล้ชิด ส่วนสถานทูตไทยประจำกรุงจาการ์ตาออกคำเตือน
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(25 ก.ย)ว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมา พบมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นหลายร้อยครั้งรอบบริเวณภูเขาไฟอกุง (Mount Agung ) ที่ตั้งอยู่บนเกาะบาหลี ท่ามกลางสัญญาการปรากฎเหนือพื้นโลกของแมกม่าภูเขาไฟ
พบว่า จาการ์ตาออกคำสั่งอพยพในรัศมี 12 ก.ม พร้อมกับการประกาศยกระดับคำเตือนสูงสุดในวันศุกร์(22 ก.ย) ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม บีบีซีชี้ว่า พื้นที่การท่องเทียวหลักของเกาะบาหลี และเที่ยวบินยังไม่ได้รับผลกระทบในเวลานี้ ซึ่งทางสื่อแชแนลนิวส์เอเชีย รายงานเมื่อวันเสาร์(23 ก.ย) ว่า สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลนส์เฝ้าจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ซึ่งอ้างอิงจากเฟซบุ๊กของสิงคโปร์แอร์ไลน์สในวันเสาร์(23 ก.ย) ทางบริษัทสายการบินยืนยันว่า ทุกเที่ยวบินที่ออกจากและบินเข้าท่าอากาศยานนานาชาติงูระห์ไร ในเดนปาซาร์(Denpasar) นั้นยังคงทำการปกติ
แต่อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์แอร์ไลน์สชี้แจงว่า สำหรับผู้โดยสารที่มีกำหนดการเดินทางตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย – 2 ต.ค ที่มีตั๋วโดยสารออกมาภายในวันที 22 ก.ย สามารถติดต่อเคาน์เตอร์สายการบินเพื่อ “เลื่อนเที่ยวบิน หรือการขอรับเงินคืน”
ส่วนสายการบินทุนต่ำ สกู๊ต ออกแถลงการณ์วันอาทิตย์(24 ก.ย)ว่า เที่ยวบินของทางบริษัททั้งเดินทางเข้าและออกจากสนามบินในเมืองเดนปาซาร์ยังไม่มีการยกเลิก แต่ทว่าทางบริษัทติดตามสถานการณ์เหตุภูเขาไฟอกุงอย่างใกล้ชิด
และคล้ายกันในส่วนของสิงคโปร์แอร์ไลน์ส พบว่า ผู้โดยสารของสกู๊ตที่ซื้อตั๋วภายในวันที่ 22 ก.ย สำหรับเที่ยวบินระหว่างวันที่ 24 ก.ย -2 ต.ต สามารถติดต่อเคาน์เตอร์ทางบริษัทเพื่อเปลี่ยนเที่ยวโดยที่ไม่มีค่าธรรมเนียม แต่อย่างไรก็ตาม ทางสายการบินทุนต่ำยังไม่ประกาศให้ผู้โดยสารสามารถขอรับเงินคืนเหมือนเช่นสิงคโปร์แอร์ไลน์ส
ด้านสื่อไทยภาคภาษาอังกฤษ บางกอกโพสต์ รายงานว่า สถานทูตไทยประจำอินโดนีเซีย ได้ออกแถลงการณ์เตือนนักท่องเที่ยวไทยในวันศุกร์(22 ก.ย)ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปทางตอนเหนือของเกาะบาหลี พร้อมกับติดตามข่าวสารจากทางการอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด
ซึ่งทางสถานทูตไทยแจ้งว่า ในเวลานี้ทางการอินโดนีเซียได้ปรับระดับเตือนภัยการปะทุภูเขาไฟ เป็นระดับ 4 และสั่งห้ามเข้าพื้นที่ในรัศมี 12 กม
ภูเขาไฟอกุง ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะบาหลี ห่างจากตัวเมืองเด็นปาซาร์ประมาณ 60 กม. และจากเมืองอูบุด ประมาณ 50 กม.
ด้านโดโด สุรัดจัต(Dodo Sudradjat ) รัฐมนตรีด้านข้อมูลและด้านวัฒนธรรมเชิงสังคมสัมพันธ์ประจำสถานทูตอินโดนีเซียในกรุงเทพฯได้กล่าวกับสื่อไทยภาคภาษาอังกฤษว่า สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญส่วนใหญ่ที่ตั้งบนเกาะบาหลีนั้นอยู่ห่างจากภูเขาไฟอกุง
และยังชี้ต่อว่า มาจนถึงเวลานี้คำสั่งเตือนภัยการปะทุภูเขาไฟอกุงยังไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว แต่ทางเจ้าหน้าที่พื้นที่จำเป็นต้องออกมาตรการในกรณีที่อาจเกิดเหตุขึ่น
อ้างอิงจากสุรัดจัตพบว่า ในปี 2016 มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้าอินโดนีเซียถึง 98,864 คน ซึ่งพบว่าแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 1 สำหรับนักท่องเที่ยวไทยคือ เกาะบาหลี และกรุงจาการ์ตาตามมาที่สอง
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานว่า ศูนย์เตือนภูเขาไฟแห่งชาติอินโดนีเซียออกแถลงการณ์ในคืนวันอาทิตย์(24 ก.ย)เป็นภาษาอินโดนีเซียว่า “พบแรงสั่นเทือนนั้นเพิ่มมากขึ้น และมีความเป็นไปได้ว่าภูเขาไฟอาจปะทุขึ้น”
ซึ่งในช่วงเช้าวันอาทิตย์(24 ก.ย) มีการพบควันเป็นลำพวยพุ่งออกมาจากตัวภูเขาไฟขึ้นสู่ด้านบน ซึ่งพบว่าเป็นควันที่มีกลิ่นสารซัลเฟอร์กระจายออกมา ซึ่งทางหน่วยงานที่เฝ้าสังเกตการณ์ชี้ว่า ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ซึ่งภูเขาไฟอกุงระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1963
บีบีซีรายงานว่า สำหรับในส่วนผู้อพยพ พบว่าได้มีการใช้โรงเรียน และที่ว่าการเมืองในพื้นที่เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยองค์การกาชาดรายงานว่า มีตัวเลขผู้ที่ถูกอพยพออกนอกพื้นที่ราว 42,000 คนล่าสุด
