เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) ประชาชนชาวคาตาลันจำนวนหลายหมื่นคนรวมตัวประท้วงบนถนนสายต่างๆ ย่านใจกลางเมืองบาร์เซโลนา หลังสเปนส่งกองกำลังตำรวจกลางบุกเข้าจับกุมรัฐมนตรีคนสำคัญประจำแคว้น พร้อมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูงคนอื่นๆ ก่อนที่ประกาศให้แคว้นกาตาลุญญาอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ผู้ประท้วงเรียกร้องการลงประชามติแยกตัว 1 ต.ค. ปะทะเดือดกับปราบจราจล มีการจับกุมเกิดขึ้น พบสเปนยึดบัตรลงประชามติคาตาลุญญาร่วม 10 ล้านใบ ด้านนายกรัฐมนตรีสเปน มาเรียโน ราฆอย เรียกร้องความสงบหลังประท้วงยันมืด แต่ประธานาธิบดีคาตาลุญญา คาร์ลส์ ปุยก์เดอมงต์ เรียกร้องเปิดโต๊ะเจรจา
หนังสือพิมพ์ดิอินดีเพนเดนต์ สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) ว่า ประชาชนชาวคาตาลันจำนวนหลายหมื่นคนไม่พอใจที่เห็นการบุกเข้ามายังแคว้นแบบไม่ทันตั้งตัวของกองกำลังตำรวจสเปน หรือในชื่อ เจ้าหน้าที่ปกป้องพลเรือน (Civil Guard) เพื่อกวาดล้างการลงประชามติผิดกฎหมายสเปนที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 ต.ค
ส่งผลทำให้เกิดการปะทะระหว่างตำรวจปราบจลาจลและบรรดากลุ่มผู้ประท้วงขึ้นในย่านใจกลางเมืองบาร์เซโลนาในวันพุธ (20 ก.ย.) ซึ่งมีรายงานการจับกุมเกิดขึ้น โดยพบว่าเป็นการจับกุมที่เกิดจากตำรวจสเปน มากกว่าตำรวจท้องถิ่นคาตาลุญญา ที่รู้จักในชื่อ “Mossos d’Esquadra” ซึ่งปฏิบัติการบุกค้นภายในแคว้นคาตาลุญญาเช้าวันพุธ (20) ตำรวจสเปนแถลงว่ามีทั้งหมด 22 แห่ง
ดิอินดีเพนเดนต์รายงานว่า การบุกเข้าจับกุมคนสำตัญของรัฐบาลแคว้น มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมด 14 คนถูกควบคุม รวมไปถึงผู้ช่วยรองประธานาธิบดีคาตาลุญญา อย่างไรก็ตาม สื่อเดอะการ์เดียนรายงานในช่วงเช้าวันพุธ (20) ว่ามีผู้ถูกจับกุมทั้งหมด 13 คน รวมไปถึง โจเซฟ มาเรีย โฮเว (Josep Maria Jové) ผู้ช่วยรัฐมนตรีคลังแคว้นคาตาลุญญา และดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรองประธานาธิบดีคาตาลุญญาอีกหนึ่งตำแหน่ง
ทั้งนี้ อ้างอิงตัวเลขจากตำรวจพบว่า มีผู้ประท้วงจำนวน 4,000 คนรวมตัวอยู่ที่สำนักงานของโจฟ พร้อมตะโกนว่า “พวกเราจะโหวต” การลงประชามติที่ถูกชี้โดยรัฐบาลกลางมาดริด และศาลรัฐธรรมนูญสเปนว่า “เป็นประชามติที่ผิดกฎหมายสเปน”
นอกจากนี้ บริเวณนอกสำนักงานใหญ่ของที่ว่าการพรรคสนับสนุนการลงประชามติ ที่รู้จักในนามพรรคป็อปปูลาร์ ยูนิตี แคนดิเดซี (Popular Unity Candidacy) หรือ CUP ตำรวจปราบจลาจลถูกเรียกมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ที่มีกลุ่มผู้ประท้วงหลายพันส่งเสียงประท้วงอยู่ด้านนอก ดิอินดีเพนเดนต์ชี้ว่า กลุ่มผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่ส่งเสียงประกาศว่า “กองกำลังที่บุกเข้ามาต้องออกไป” และ “ถนนเป็นของพวกเรา”
สื่ออังกฤษรายงานว่า ในการเข้าบุกค้น ตำรวจสเปนสามารถยึดบัตรลงประชามติจำนวนเกือบ 10 ล้านใบได้จากโกดังแห่งหนึ่งในเมืองบิเยส (Bigues) ห่างออกไปทางเหนือของเมืองเอกประจำแคว้นบาร์เซโลนา ราว 30 กม. ซึ่งนอกเหนือไปจากการยึดจดหมายแจ้งเตือนประชามติที่ทางรัฐบาลคาตาลุญญาเตรียมไว้ราว 45,000 ฉบับเพื่อแจ้งเตือนให้กับกลุ่มเจ้าหน้าที่ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ในคูหาการลงประชามติ
ทั้งนี้ มาดริดยังออกมาข่มขู่กลุ่มนายกเทศมนตรีคาตาลุญญา หากยังให้การสนับสนุนการลงประชามติต่อไปหลังจากที่มีรายงานว่า บรรดานายกเทศมนตรีที่แสดงเจตนารมณ์สนับสนุนการลงประชามติถูกสั่งให้ไปปรากฎตัวต่อหน้าอัยการสเปน
ดิอินดีเพนเดนต์รายงานว่า นายกรัฐมนตรีสเปน มาเรียโน ราฆอย (Mariano Rajoy) หลังจากที่ประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินในคว้นคาตาลุญญาแล้ว ในภายหลังได้ออกมาเรียกร้องให้ทางแคว้นกลับเข้าสู่ความปกติ และการมีเหตุผลอีกครั้ง หลังเกิดภาวะการประท้วงไปทั่วไปจนถึงช่วงกลางคืน
ไอริชนิวส์ชี้ว่า ผู้นำแคว้นกาตาลุญญาปรากฏตัวพร้อมกับคณะ ครม.ของตัวเอง หลังจากมีการประชุมฉุกเฉินเกิดขึ้น ประกาศว่า การที่สเปนส่งกองกำลังเข้ามาในแคว้นเพื่อจงใจหยุดการเลือกตั้งการลงประชามติ และชี้ว่าปฏิบัติการของกองกำลังเจ้าหน้าที่ปกป้องพลเรือนสเปนนั้น “ผิดกฎหมาย”
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีผู้นำประจำแคว้น คาร์ลส์ ปุยก์เดอมงต์ (Carles Puigdemont) อ้างอิงจากเดอะการ์เดียนวันพุธ (20 ก.ย.) แถลงการณ์ยืนยันจะเดินหน้าการลงประชามติต่อไป พร้อมกับกล่าวหาราฆอยว่า ***ต้องการยกเลิก “อำนาจระบบการปกครองตนเองของทางแคว้น” ด้วยการส่งกองกำลังเข้ามาบุกค้น และประกาศใช้ภาวะฉุกเฉิน***
ด้านสื่อฝรั่งเศส France 24 รายงานว่า ผู้สื่อข่าวได้ถามผู้นำแคว้นคาตาลุญญา ปุยก์เดอมงต์ ถึงวิกฤตความขัดแย้งระหว่างทางแคว้นและรัฐบาลมาดริด และผลที่จะตามมาหลังการประกาศเอกราชที่จะมีระหว่างแคว้นคาตาลุญญาและสหภาพยุโรป
ปุยก์เดอมงต์ถูกถามว่า เหตุใดเขาจึงไม่ยอมอ่อนข้อให้กับสเปน และทำให้ประธานาธิบดีคาตาลุญญาตอบกลับมาว่า การเลือกตั้งในภูมิภาคได้ให้อำนาจฉันทานุมัติในการจัดการลงประชามติครั้งนี้ โดยชี้ว่า “ไม่ใช่สิ่งที่เราจะสามารถยกเลิกได้ ทางเราไม่สามารถตอบปฏิเสธต่อสิ่งที่ประชาชนได้อนุมัติแล้ว ซึ่งคนเหล่านั้นได้ลงมติตัดสินผ่านหีบบัตรลงคะแนน”