เอเอฟพี - รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือเปรียบคำพูดดุดันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ว่าไม่ต่างอะไรจาก “สุนัขเห่า” พร้อมยืนยันว่าเปียงยางไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อยหลังอเมริกาขู่จะ “ทำลายล้างให้สิ้นซาก”
ระหว่างการแสดงปาฐกถาต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นเป็นครั้งแรกเมื่อวันอังคาร (19 ก.ย.) ทรัมป์ได้ฝากคำเตือนไปยังรัฐบาลโสมแดงว่าวอชิงตันพร้อมจะทำลายล้างพวกเขาให้สิ้นซาก หากสหรัฐฯ หรือชาติพันธมิตรถูกโจมตี
คำขู่ที่รุนแรงของทรัมป์ มีขึ้นหลังจากโครงการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือรุดหน้าไปเร็วเกินคาดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเปียงยางยังท้าทายมติคว่ำบาตรยูเอ็นด้วยการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 และยิงขีปนาวุธข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นถึง 2 ครั้ง
รัฐมนตรีต่างประเทศ รี ยองโฮ ของเกาหลีเหนือ ซึ่งเดินทางไปถึงนครนิวยอร์กเพื่อร่วมการประชุมยูเอ็น ถูกกองทัพนักข่าวรุมสัมภาษณ์ทันทีว่าคิดอย่างไรกับคำขู่ของผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเจ้าตัวก็หยิบยกสุภาษิตขึ้นมาเป็นคำตอบ
“มีสุภาษิตว่า คาราวานไม่หยุดเดินแม้หมาจะเห่า (marching goes on even when dogs bark)” รี กล่าวขณะเดินเข้าไปในโรงแรมที่พักเมื่อวานนี้ (20)
“ถ้าคิดจะทำให้เรากลัวเสียงหมาเห่า พวกเขาก็คงจะมีความฝันแบบหมาๆ เท่านั้น”
เกาหลีเหนือซึ่งเป็นประเทศยากจนและโดดเดี่ยวยืนยันว่าจำเป็นต้องมีอาวุธทำลายล้างสูงเอาไว้ป้องกันตนเองจากการรุกรานของสหรัฐฯ และยึดถือลัทธิทหารนิยมเป็นหนึ่งในอุดมการณ์หลักของประเทศ
เปียงยางประกาศชัดเจนว่าต้องการครอบครองขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ซึ่งสามารถส่งหัวรบนิวเคลียร์ไปถล่มแผ่นดินสหรัฐฯ ได้ และดูเหมือนโครงการของพวกเขาจะรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ก็ได้ทดสอบสิ่งที่อ้างว่าเป็น “ระเบิดไฮโดรเจนย่อส่วน” ซึ่งสามารถนำไปติดตั้งบนขีปนาวุธได้
ก่อนหน้านั้น เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยกลางกึ่งไกล 2 ลูกในเดือน ก.ค. ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าสามารถเดินทางไปถึงเกือบทุกภูมิภาคในสหรัฐฯ
ทรัมป์ เย้ยหยันผู้นำ คิม จองอึน ว่าเป็น “มนุษย์จรวด” ที่กำลังปฏิบัติภารกิจ “ฆ่าตัวตาย” ส่วนนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นก็กล่าวบนเวทียูเอ็นว่า การเจรจาต่อรองนั้นใช้ไม่ได้ผลกับรัฐที่ดื้อดึงอย่างเกาหลีเหนือ
จีนซึ่งเป็นพันธมิตรและคู่ค้ารายใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของโสมแดง ยืนยันว่าวิกฤตการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีต้องแก้ไขด้วยวิธีเจรจาทางการทูตเท่านั้น
ผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่มองว่า การใช้ปฏิบัติการทางทหารกับเกาหลีเหนือจะก่อหายนะครั้งใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ผู้คนหลายล้านต้องบาดเจ็บล้มตาย
เกาหลีเหนือได้ขนสรรพอาวุธมาประจำการบริเวณพรมแดนตอนใต้ ซึ่งห่างจากกรุงโซลเพียง 55 กิโลเมตร ขณะที่หมู่เกาะญี่ปุ่นก็อยู่ในพิสัยโจมตีของจรวดเกาหลีเหนือ และในรัฐโสมแดงเองก็ยังมีประชากรหลายล้านคนที่ใช้ชีวิตอย่างลำบากแร้นแค้นภายใต้การปกครองของระบอบคิม