รอยเตอร์ - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว 7.1 ทางตอนกลางของเม็กซิโกเมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 149 ราย และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ขณะที่หน่วยกู้ภัยเร่งขุดคุ้ยซากอาคารที่พังถล่มกลางเมืองหลวงของประเทศเพื่อค้นหาผู้ที่อาจรอดชีวิต
แรงสั่นสะเทือนซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (19) ทำให้ผู้คนที่กำลังรับประทานอาหารกลางวันแตกตื่นวิ่งหนีออกมานอกอาคาร ขณะที่ระบบจ่ายไฟฟ้าได้รับความเสียหายหนักจนกระทบต่อประชาชนหลายล้านคน
มิเกล มันเซรา นายกเทศมนตรีกรุงเม็กซิโกซิตี ระบุว่ามีอาคารอย่างน้อย 44 หลังได้รับความเสียหายรุนแรงหรือพังถล่มลงมา ทั้งยังมีรายงานเหตุแก๊สรั่วและเพลิงไหม้อีกหลายจุด
รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย มิเกล อังเกล โอโซริโอ ชอง แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์ว่าหน่วยกู้ภัยกำลังเร่งทำงานอย่างสุดกำลัง ขณะที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้แสดงความเสียใจและประกาศจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
“เราได้รับรายงานว่าอาจจะยังมีคนติดอยู่ใต้ซากอาคารบางแห่ง และเจ้าหน้าที่ต้องทำงานกันอย่างระมัดระวัง” รัฐมนตรีผู้นี้เผย พร้อมระบุว่าอาจจำเป็นต้องระดมหน่วยกู้ภัยเข้ามาเพิ่มเติมอีก
ลูอิส ฟิลิเป ปูเอนเต หัวหน้าสำนักงานป้องกันพลเรือนเม็กซิโก ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตขณะนี้เพิ่มขึ้นป็นอย่างน้อย 149 รายทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่รัฐโมเรโลสทางตอนใต้ของเมืองหลวง ซึ่งพบเหยื่อแผ่นดินไหวมากถึง 55 ศพ ส่วนที่กรุงเม็กซิโกซิตีเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้แล้วอย่างน้อย 49 ศพ
รัฐปวยบลามีรายงานผู้เสียชีวิต 32 ราย ส่วนรัฐเม็กซิโกซึ่งเป็นพื้นที่รอบๆ เมืองหลวงพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้เสียชีวิต 3 รายที่รัฐเกร์เรโร ริมชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในวันครบรอบ 32 ปีเหตุธรณีพิโรธที่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคนในกรุงเม็กซิโกซิตีเมื่อปี 1985 และเมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมาก็เพิ่งจะเกิดแผ่นดินไหวทางภาคใต้ของเม็กซิโก จนมีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 98 ราย
ด้านบริษัทการไฟฟ้าเม็กซิโก CFE ยืนยันว่ามีผู้ใช้ไฟฟ้าราว 3.8 ล้านคนถูกตัดไฟเนื่องจากแผ่นดินไหว
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้โพสต์ทวิตเตอร์ส่งกำลังใจไปยังชาวเม็กซิโก โดยระบุว่า “ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองชาวเม็กซิโกซิตี พวกเราจะอยู่เคียงข้างท่าน”
กรุงเม็กซิโกซิตีและเขตปริมณฑลมีผู้อยู่อาศัยราว 20 ล้านคน และจัดเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับต้นๆ ของโลก