เอเจนซีส์- วันนี้(6 ก.ย) ผู้พิพากษาศาลสูรัฐวิกตอเรียอนุญาตการรอมชอมคดีมูลค่า 70 ล้านดอลลาร์ (56 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ถือเป็นคดีเยียวยาสิทธิมนุษยชนที่ใหญ่ที่สุด สั่งให้รัฐบาลออสเตรเลียจ่ายค่าชดเชยก้อนโตให้กับบรรดาอดีตผู้อพยพค่ายกักกันผู้ลี้ภัยเกาะมานุส หลังพบถูกขังอย่างผิดกฎหมาย บรรดาทนายต่างตั้งความหวัง เงินจะถูกจ่ายก่อนค่ายผู้อพยพบนจะปิดตัว ด้านผู้ลี้ภัยภายในศูนย์สุดกังวล จะได้เงินทางไหนหลังถฦกห้ามไม่ให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อเป็นช่องทางรับเงิน
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(6 ก.ย)ว่า คาเมรอน แมคคอเลย์(Cameron Macaulay) ผู้พิพากษาศาลสูงรัฐวิกตอเรีย ออสเตรเลีย แถลงวันพุธ(6 ก.ย)ว่า เขาได้อนุญาตให้สามารถบรรลุข้อตกลงไกล่เกลี่ยระหว่างรัฐบาลออสเตรเลียและ 2 บริษัทรับผิดชอบลงทะเบียนผู้อพยพระดับภูมิภาคบนเกาะมานุส บริษัททรานสฟิลด์( Transfield) และบริษัท G4S
ทั้งนี้บรรดาทนายความสิทธิมนุษยชนต่างตั้งความหวังว่า จะสามารถมีการจ่ายเงินชดเชยจำนวนมโหฬารให้กับทั้งอดีตผู้ยื่นขอลี้ภัย และผู้ลี้ภัยที่ปัจจุบันยังคงอาศัยภายในศูนย์ ก่อนที่ค่ายกักกันบนเกาะมานุสจะถูกปิดลงในสิ้นเดือนตุลาคมนี้
ซึ่งอ้างอิงจากสื่อออสเตรเลีย เฮอรัล ซัน พบว่า ผู้ลี้ภัยไม่ต่ำกว่า 1,400 คนมีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาก้อนนี้ ซึ่งเอบีซีนิวส์ ออสเตรเลีย ชี้ว่า ผู้ลี้ภัยที่ถูกกักตัวโดยรัฐบาลออสเตรเลียในช่วงปี 2012 -2016 ล้วนต่างมีสิทธิ์ได้รับเงิน
เดอะการ์เดียนกล่าวว่า รัฐบาลออสเตรเลีย “เลือก” ที่จะตกลงยอมความเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามากกว่าจะเดินหน้าตามกระบวนการไต่สวนต่ออีกครึ่งปีข้างหน้า ซึ่งเชื่อว่าศาลจะต้องรับฟังเรื่องจากปากผู้อพยพที่อาศัยในค่ายเกาะมานุสถึง เหตุเสียชีวิตที่เกิดขึ้นของบรรดาผู้ลี้ภัย รวมไปถึงปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศและการทำร้ายร่างกายผู้อพยพอย่างเป็นระบบ และรวมไปถึงปัญหาการไม่จัดหาการให้ความช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยอย่างเพียงพอจนนำไปสู่การล้มป่วยหนักและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดยเอบีซีนิวส์ออสเตรเลียชี้ว่า หลังจากศาลสูงปาปัวนิวกินีได้ออกมามีคำสั่งว่า การสั่งกักตัวของรัฐบาลออสเตรเลียภายในศูนย์ค่ายผู้อพยพนอกชายฝั่งแห่งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้นำมาสู่การยื่นเรื่องขึ้นฟ้องรัฐบาลออสเตรเลียในที่สุด
ทั้งนี้ก่อนหน้า ศาลออสเตรเลียรับฟังจากปากของผู้ร้องขอสถานภาพลี้ภัยและผู้อพยพบางส่วนที่ชี้ว่า ตัวเลขเยียวยาที่ 70 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย(56 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) นั้นต่ำเกินไป และไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ หรือแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
สื่อออสเตรเลียรายงานว่า ภายในวันจันทร์(4 ก.ย) พบผู้ร้อง 1,383 คนจากกลุ่มผู้ร้องในคดีทั้งหมด 1,923 คน ได้ลงทะเบียนเพื่อตกลงยอมรับเงินชดเชย แต่ทว่าพบว่ามีไม่ต่ำกว่า 160 คนจากกลุ่มผู้ลี้ภัยเป็นชายเกือบ 800 คนที่ยังคงต้องถูกกักตัวภายในค่ายผู้อพยพเกาะมานุส ออกมาปฎิเสธไม่เห็นด้วยการไกล่เกลี่ยต่อศาล
หนึ่งในผู้ลี้ภัยบนเกาะมานุสจากอิหร่าน นาเซอร์ จาฟาร์ซาเดห์(Naser Jafarzadeh) ที่ได้ลงชื่อขอรับเงินเยียวยาให้ความเห็นกับเอบีซีนิวส์ออสเตรเลียว่า
“ดีกว่าที่จะไม่ได้อะไรเลย เพราะพวกเราไม่มีสิทธิอะไรเลย” และกล่าวต่อว่า “พวกเราเดินทางมาทางเรือ และรัฐบาลออสเตรเลียเกลียดพวกเรา เพราะพวกเราเดินทางมาด้วยเรือ เพราะรู้ดีว่าพวกเราทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นพวกเราควรต้องยอมรับเงินก้อนนี้ และหาอนาคตจากที่อื่นแทน”
ทั้งนี้พบว่าเงินที่จะถึงมือผู้ลี้ภัยแต่ละบุคคลในเวลานี้ยังไม่ชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับตัวเลขของผู้ลงทะเบียนขอรับเงินชดเชย แต่เชื่อว่าจะน่าจะ 30,000 – 40,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียโดยประมาณในเบื้องต้น แต่บรรดาผู้อพยพชี้ว่า เชื่อว่าน่าจะได้ไม่มากนักเพราะตัวเลขผู้ขอรอบรับ
และสื่อเอบีซีนิวส์ออสเตรเลียพบว่า ***มีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อบรรดาผู้ลี้ภัยภายในศูนย์ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดบัญชีธนาคาร*** ทำให้บรรดาผู้ลี้ภัยต่างวิตกว่า พวกเขาจะได้รับเงินได้อย่างไร ในขณะที่อีกบางส่วนอยู่ในระหว่างการรอเอกสารบัตรประจำตัว
และพบว่าจะยังไม่มีการจ่ายเงินเยียวยาใดๆจนกระทั่งเลย 28 วันของช่วงระยะเวลาอุทธรณ์ไปแล้ว ซึ่งจะเริ่มต้นหลังจากที่ผู้พิพากษาแมคคอเลย์ได้อนุญาตการไกล่เกลี่ยครั้งประวัติศาสตร์