รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียระบุวานนี้ (5 ก.ย.) ว่ารัฐบาลเครมลินขอ “สงวนสิทธิ์” ในการสั่งลดนักการทูตอเมริกันในกรุงมอสโกเพิ่มเติม เพื่อตอบโต้ที่วอชิงตันปฏิบัติต่อคณะทูตรัสเซียอย่าง “กักขฬะ”
ปูติน ซึ่งเดินทางไปร่วมประชุมซัมมิตกลุ่ม BRICS ที่นครเซี่ยเหมินของจีน ระบุว่า ตนจะสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศใช้ช่องทางกฎหมายเอาผิดสหรัฐฯ ฐานล่วงละเมิดทรัพย์สินของรัสเซีย หลังสถานกงสุลในนครซานฟรานซิสโก และสำนักงานผู้แทนการค้ารัสเซียในวอชิงตันและนิวยอร์ก ถูกสั่งปิด
“อเมริกาลดจำนวนสำนักงานการทูตของเราหลายแห่ง นั่นก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ปัญหาคือพวกเขาดำเนินการอย่างกักขฬะ และมันก็ยากที่เราจะไปเจรจากับคนที่ยังสับสนระหว่าง “ออสเตรีย” กับ “ออสเตรเลีย” คงจะทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ บางทีนี่อาจเป็นวัฒนธรรมการเมืองของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็เป็นได้"
“ในส่วนของอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ (ที่ถูกยึด) มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และถือเป็นการล่วงละเมิดทรัพย์สินของรัสเซียอย่างชัดเจน ดังนั้น ผมจะสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศฟ้องศาล แล้วมาดูซิว่ากระบวนการยุติธรรมของสหรัฐฯ ที่ผู้คนยกย่อง จะมีประสิทธิภาพแค่ไหน”
มาตรการตอบโต้ทางการทูตระหว่างวอชิงตันและมอสโกเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เนรเทศนักการทูตหมีขาว 35 คนออกจากสหรัฐฯ เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยอ้างว่าเป็นการแก้แค้นที่รัสเซียแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี
ต่อมาในเดือน ก.ค.ปีนี้ มอสโกก็ตอบโต้ด้วยการสั่งให้สหรัฐฯ ลดนักการทูตและเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคที่ทำงานอยู่ในรัสเซียลง 60% ให้เหลือเพียง 455 คนเท่าๆ กับจำนวนนักการทูตหมีขาวที่ทำงานอยู่ในอเมริกา
อย่างไรก็ดี ปูติน อ้างว่าวอชิงตันเผลอนับรวมนักการทูตรัสเซีย 155 คนที่ทำงานกับองค์การสหประชาชาติในนครนิวยอร์กว่าเป็นส่วนหนึ่งของคณะทูต ซึ่งถ้าหักลบเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ออกไป รัสเซียจะเหลือนักการทูตอยู่ในสหรัฐฯ ไม่ถึง 455 คน
“เราขอสงวนสิทธิ์ในการตัดสินใจลดจำนวนนักการทูตสหรัฐฯ ที่ทำงานอยู่ในมอสโก แต่เราจะยังไม่ทำอะไรตอนนี้ ขอรอดูก่อนว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน” ปูตินกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวคนหนึ่งถาม ปูติน ว่ารู้สึกผิดหวังกับ ทรัมป์ บ้างหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบจากผู้นำหมีขาวว่า “ผมผิดหวังหรือเปล่าน่ะหรือ? คุณตั้งคำถามไร้เดียงสาจัง... เขาไม่ใช่เจ้าสาวของผม และผมก็ไม่ใช่เจ้าบ่าวของเขาเสียหน่อย”
“เราต่างก็เป็นรัฐบุรุษ ทุกประเทศย่อมมีผลประโยชน์ของตัวเอง การกระทำของ ทรัมป์ ถูกชี้นำโดยผลประโยชน์ของชาติเขา ส่วนผมก็ทำเพื่อประโยชน์ของชาติผม”