เอเจนซีส์ - วันนี้ (1 ก.ย.) เป็นวันแรกที่สหรัฐฯเริ่มต้นบังคับใช้คำสั่งห้ามพลเมืองอเมริกันเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวเกาหลีเหนือ พบก่อนเส้นตายในวันพฤหัสบดี (31 ส.ค.) พบบริษัททัวร์ที่นำนักท่องเที่ยวต่างชาติเขาเกาหลีเหนือ นำนักท่องเที่ยวอเมริกันคนสุดท้ายบินออกนอกประเทศ
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (1 ก.ย.) ว่า พบว่าเมื่อวานนี้ (31 ส.ค.) วันสุดท้ายก่อนเส้นตายคำสั่งห้ามเดินทางเข้าเกาหลีเหนือของรัฐบาลสหรัฐฯจะมีผลบังคับใช้ พบว่าบริษัททัวร์เดินทางเข้าเกาหลีเหนือ 2 บริษัทต่างเร่งรีบนำลูกทัวร์ชาวอเมริกันคนสุดท้ายเดินทางออกนอกประเทศ
ที่ผ่านมาทางบริษัททัวร์เหล่านี้อ้างว่า ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันสูงถึง 1,000 คนเดินทางเข้าเกาหลีเหนือในแต่ละปี และถือเป็นนักท่องเที่ยวจากโลกตะวันตกที่มากเป็นลำดับที่ 5 ในการเดินทางเข้าแดนคอมมิวนิสต์แห่งนี้ ซึ่งพบว่าผู้ที่เดินทางเข้าเกาหลีเหนือมากที่สุดมาจากประเทศจีนที่มีพรมแดนติดกัน
ทั้งนี้ พบว่ากฎใหม่ที่ออกมาห้ามพลเมืองสหรัฐฯ เดินทางเข้าเกาหลีเหนือ เกิดขึ้นหลังจากที่นักศึกษาชาวอเมริกันวัย 22 ปี ออตโต วอร์มเบียร์ ได้เสียชีวิตด้วยอาการโคม่าหลังจากถูกส่งตัวกลับมาจากเกาหลีเหนือในช่วงต้นปีนี้ โดยพบว่านักศึกษารายนี้เดินทางเข้าเกาหลีเหนือในฐานะนักท่องเที่ยวกับบริษัทัวร์สัญชาติจีน Young Pioneer Tours และถูกทางการเกาหลีเหนือจับกุมในวันสุดท้ายในขณะที่กำลังรอจะขึ้นเครื่องที่สนามบินกรุงเปียงยาง
โดยกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาชี้แจงถึงเหตุผลที่ต้องประกาศห้ามไม่ให้พลเมืองสหรัฐฯ เดินทางเข้าเกาหลีเหนือว่า เพื่อความปลอดภัยจากการที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจถูกจับกุมจากทางการเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ หากทางสหรัฐฯ พบว่ามีพลเมืองรายใดฝ่าฝืนจะถูกยึดพาสปอร์ตและลงโทษ ซึ่งทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ จะอนุญาตให้เฉพาะบางกรณีเท่านั้นที่สามารถเดินทางเข้าไปในเกาหลีเหนือได้หลังจากที่คำสั่งแบนมีผลบังคับใช้ไปแล้ว เป็นต้นว่า นักข่าว หรืองานด้านมนุษยธรรม
ไซมอน ค็อกเกอเรล (Simon Cockerell) ผู้จัดการทั่วไปบริษัททัวร์ คอร์โย ทัวร์ส (Koryo Tours) ได้เปิดเผยกับบีบีซีว่า เชื่อว่าจากนี้ไปจำนวนนีกท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าเกาหลีเหนือจะลดลง
“ถึงแม้ว่าคำสั่งห้ามจะมีผลเฉพาะกับนักท่องเที่ยวอเมริกัน แต่ทว่าเป็นเสมือนสัญญาณเตือนจากสหรัฐฯออกมาว่า พวกเขาไม่ควรเดินทางเข้าไปยังประเทศนั้น” ค็อกเกอเรลกล่าว
สื่ออังกฤษชี้ว่า จากการเปิดเผยของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯพบว่า มีพลเมืองอเมิกรันที่ถูกขังในเกาหลีเหนือจำนวนทั้งหมด 16 คนในตลอดช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามี 3 คนเป็นที่รู้จักว่าถูกขังอยู่ในคุกเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้พบว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่ถูกจับกุมเป็น มิชชันนารีอเมริกัน นักข่าว และศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย
บีบีซีชี้ว่า การท่องเที่ยวถือเป็นแหล่งรายได้ให้กับเกาหลีเหนือ ที่เชื่อกันว่าอาจทำรายได้ให้กับเปียงยางสูงถึง 43.6 ล้านต่อปี ซึ่งถึงแม้ทางการเกาหลีเหนือจะเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ แต่ทว่าจะถูกจับตามองอย่างเข้เมงวดตลอดเวลา และควบคุมอย่างเคร่งครัด
ซึ่งในการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเอเอฟพี เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการพัฒนาเกาหลีเหนือระบุว่า ทางเปียงยางไม่ให้ความสำคัญในการที่วอชิงตันสั่งห้ามพลเมืองของตนเดินทางเข้าประเทศ
ในแถลงการณ์ล่าสุดของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้ประกาศเตือนพลเมืองของตนเองว่า บุคคลใดก็ตามที่ได้เดินทางเข้าเกาหลีเหนือ ไม่ควรที่จะคาดหวังถึงสิทธิส่วนบุคคลที่จะไม่ถูกตรวจค้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก และรวมไปถึงโทรศัพท์มือถือ
และยังชี้ว่า เงินที่ได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เปียงยางอาจนำไปพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์
