รอยเตอร์/เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - หลังจากที่อดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีออกนอกประเทศสัปดาห์ที่ผ่านมาในคดีจำนำข้าว ล่าสุดวันนี้ (29 ส.ค.) กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงยืนยัน ในเวลานี้ยังไม่มีแผนที่จะสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทางของยิ่งลักษณ์ทันที และไม่ยืนยันว่าอดีตนายกฯ หญิงมีหนังสือเดินทางต่างชาติในมือเหมือนพี่ชายหรือไม่
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (29 ส.ค.) ว่า ในคดีรับจำนำข้าวซึ่งมีการตัดสินออกมาในวันศุกร์ (25) แต่ทว่าอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้ไปปรากฏตัวที่ศาลเพื่อรับฟังคำตัดสินด้วยตนเอง และในเวลาต่อมาพบว่าน้องสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณได้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยออกมาเปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้หนีไปที่ดูไบแล้ว
รอยเตอร์ชี้ว่า ในฐานะอดีตผู้นำของไทยพบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือหนังสือเดินทางไทย 2 เล่ม คือ หนังสือเดินทางสำหรับประชาชนทั่วไป และหนังสือเดินทางการทูต และมีความเชื่อว่านายกรัฐมนตรีหญิงวัย 50 ปี ยังมีหนังสือเดินทางของต่างประเทศอีก 1 เล่มในความครอบครอง
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าหนังสือเดินทางจะถือเป็นหัวใจสำหรับการหลบหนี แต่ทว่าทางการไทยออกมายอมรับในวันนี้ (29 ส.ค.) ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ทางไทยยังไม่มีแผนที่จะยกเลิกพาสปอร์ตของน้องสาวทักษิณในเวลานี้ โดยรัฐมนตรีต่างประเทศ ดอน ปรมัตถ์วินัย ได้ตอบคำถามนักข่าวเมื่อถูกถามว่าทางกระทรวงฯมีแผนจะยกเลิกหนังสือเดินทางอดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในระหว่างการหลบหนีคดีหรือไม่ โดยผู้นำกระทรวงบัวแก้วตอบว่า “เรื่องยังมาไม่ถึงกระทรวงการต่างประเทศ” และกล่าวต่อว่า “รัฐมนตรีต่างประเทศคนนี้ยังไม่ได้เข้าจัดการปัญหานี้”
ในรายงานของสื่อในประเทศไทย ดอนกล่าวยืนยันยันก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศรับทราบเรื่อง และได้เตรียมศึกษาหาลู่ทาง เป็นต้นว่าเงื่อนไขการสั่งถอนหนังสือเดินทางที่จะสามารถใช้ได้ในกรณีของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรวมไปถึงหลักเกณฑ์ว่าจะเข้าข่ายที่ทางกระทรวงจะสามารถสั่งเพิกถอนได้หรือไม่ แต่ทางดอนยืนยันว่าขณะนี้อยู่ในระหว่างการรอเรื่องเพื่อส่งเข้ามา ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศอ้างว่าทั้งกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้รับเรื่อง
และในรายงานของฝั่งไทยยังชี้ว่า เจ้ากระทรวงการต่างประเทศของไทยไม่ยอมตอบคำถามที่ว่า ทราบหรือไม่ว่าในขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ที่ประเทศใด ได้กล่าวปัดว่าให้เป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องจัดการ เป็นเรื่องของตำรวจ
ทั้งนี้ ก่อนหน้า 1 วัน นายกรัฐมนตรีไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา แสดงท่าทีขึงขังถึงการสั่งถอนหนังสือเดินทางของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยสำนักข่าวซินหวาของจีนรายงานว่า ในการให้สัมภาษณ์ในวันจันทร์ (28 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่า หลังจากที่อดีตน้องสาวผู้นำไทยหลบหนีไปแล้ว ก้าวต่อไปที่จะทำ คือ การถอนหนังสือเดินทางของผู้หลบหนี โดยกล่าวว่า “กระทรวงการต่างประเทศไทยจะทำการศึกษาเรื่องนี้ รวมไปถึงการเพิกถอนพาสปอร์ต เราต้องดูช่องทางตามกฎหมายว่าจะกระทำได้หรือไม่”
แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเวลานี้ฝ่ายไทยยังไม่มีความประสงค์ที่จะจัดการนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์อย่างจริงจัง เพราะแม้แต่รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ยังส่งเสียงออกมาจากออสเตรเลียในวันอังคาร (29 ส.ค.) ในระหว่างการนำคณะการแสดงโขน ณ โรงอุปรากรซิดนีย์ (Sydney Opera House) เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย ไม่ยอมตอบคำถามนักข่าวในเรื่องที่ว่าทางการไทยจะเพิกถอนพาสปอร์ตหรือไม่
ซึ่งทาง พล.อ.ธนะศักดิ์ได้ตอบปัดมาว่า “รัฐบาลไทยบริหารประเทศแบบนิติรัฐ และในฐานะรัฐบาล ทางเราไม่สามารถแทรกแซงการตัดสินของศาลได้” และยืนยันว่า “ไทยถือว่าเป็นประเทศที่ใหญ่ และรัฐบาลให้เสรีภาพกับประชาชน ซึ่งทางเราจะไม่ติดตามบุคคลในกรณีที่คนเหล่านั้นจะเดินทางไปที่ใด หรือเมื่อพวกเขาเดินทางออกนอกประเทศ ดังนั้นทางเราจึงปฏิบัติตามกฎหมายเหมือนเช่นชาติอื่นๆ ทั้งหลาย” อ้างอิงจากการรายงานของสื่อไทยภาคภาษาอังกฤษ
รอยเตอร์ระบุว่า ในขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยออกมาชี้ว่า ทางกระทรวงฯ ไม่สามารถให้การยืนยันได้ว่านายกรัฐมนตรีหญิงของไทยมีหนังสือเดินทางต่างชาติในความครอบครองหรือไม่ แต่เป็นที่รู้กันดีว่า พี่ชายของเธอ อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ผู้ที่มีอิทธิพลทางการเมืองอย่างมากในเมืองไทย ซึ่งถูกทางการไทยสั่งยกเลิกพาสปอร์ตทั้งสองเล่ม (หนังสือเดินทางสำหรับบุคคบทั่วไป และหนังสือเดินทางการทูต) มีหนังสือเดินทางของมอนเตเนโกรไว้ในความครอบครองหลังจากที่ถูกทำรัฐประหารในปี 2006 และหลบหนีออกนอกประเทศในปี 2008 เพื่อเลี่ยงการถูกจำคุกในคดีคอร์รัปชันคดีที่ดินรัชดาภิเษก
รอยเตอร์รายงานว่า ทักษิณมีบ้านพักอยู่ที่ดูไบ ถึงแม้ว่าจะเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง โดยเฉพาะสิงคโปร์และฮ่องกง เพื่อพบกับบุตร 3 คนและหลาน สมาชิกตระกูลชินวัตรกล่าวเช่นนั้นผ่านทางโซเชียลมีเดีย
ทั้งนี้ คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ได้ออกมาเปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศหลังจากได้ข้อมูลว่าเธอจะได้รับการพิพาษากษาให้ได้รับโทษหนักในคดีจำนำข้าว
