เอเจนซีส์ - หนุ่มชาวสิงคโปร์และเพื่อนซึ่งเป็นสาวข้ามเพศถูกศาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ตัดสินจำคุกคนละ 1 ปี โทษฐานแต่งกายคล้ายผู้หญิงเดินห้างในกรุงอาบูดาบี ด้านครอบครัวออกมาเรียกร้องขอคืนอิสรภาพ ขณะที่นักสิทธิมนุษยชนแห่ระดมทุนช่วยจำเลยทั้งสองต่อสู้คดี
มูฮัมหมัด ฟัดลี บิน อับดุลเราะห์มาน วัย 26 ปี ซึ่งประกอบอาชีพช่างภาพแฟชั่น และ นูร์ กิสตินา ฟิตริยาห์ อิบราฮิม วัย 37 ปี ซึ่งเป็นสาวข้ามเพศ ถูกตำรวจยูเออีจับกุมที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง และศาลได้พิพากษาจำคุก 1 ปีเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว
มูฮัมหมัด ไซฟุล บาห์รี อับดุลเราะห์มาน ซึ่งเป็นพี่ชายของฟัดลี ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า บุคคลทั้งคู่ถูกตำรวจท่องเที่ยวยูเออีจับกุมเนื่องจาก “แต่งกายคล้ายสตรี”
นักเคลื่อนไหวที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า “ถูกกักขังในดูไบ” (Detained in Dubai) ยืนยันว่าจำเลยทั้งสองถูกเอาผิดในข้อหามี “พฤติกรรมการแต่งกายที่ไม่เหมาะสม” และโดนโทษจำคุกคนละ 1 ปี
ไซฟุลเล่าว่า น้องชายได้ส่งภาพถ่ายในวันที่ถูกจับมาให้ดู ซึ่งพบว่าเขาสวมเสื้อสีขาวธรรมดากับใส่ “ต่างหู” เท่านั้น
“เราต้องการให้พวกเขาได้รับการปล่อยตัว และเดินทางกลับสิงคโปร์โดยเร็วที่สุด” ไซฟุล กล่าว พร้อมยืนยันว่าน้องชายคนนี้ “อัธยาศัยดี ร่าเริง และไม่อนาทรร้อนใจกับสิ่งใดๆ”
“เราทราบมาว่าเขาถูกจับเพราะดูมีความเป็นผู้หญิง แต่ข้อกล่าวหานี้มันกว้างมาก เรื่องนี้กระทบกระเทือนจิตใจครอบครัวเรา พ่อแม่ผมถึงกับร้องไห้เมื่อทราบข่าว”
นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนในสิงคโปร์ได้ตั้งเพจระดมทุนช่วยเหลือบุคคลทั้งสอง โดยล่าสุดมียอดบริจาคแล้วกว่า 25,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ทะลุเป้าหมายที่ทางกลุ่มตั้งไว้ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันนี้ (25)
นักเคลื่อนไหวชี้ว่า นูร์ เปลี่ยนชื่อแล้วอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแต่ยังไม่ได้ผ่าตัดแปลงเพศเป็นผู้หญิงอย่างสมบูรณ์
ราธา สเตอร์ลิง ประธานกลุ่มนักเคลื่อนไหว Detained in Dubai ซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงลอนดอน และเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทกฎหมาย สเตอร์ลิง ไฮ แถลงวานนี้ (24) ว่า องค์กรของเธอจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน และเรียกร้องให้ศาลยุเออีกลับคำพิพากษาให้เหลือแค่เพียงโทษปรับ และเนรเทศ
พฤติกรรมรักร่วมเพศถือเป็นความผิดอาญาในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เช่นเดียวกับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนสมรส หรือนอกสมรส
กฎหมายอาญามาตราที่ 358 ของยูเออียังกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่ “แต่งกายไม่เหมาะสม” เพราะถือเป็นการกระทำอนาจารในที่สาธารณะ