รอยเตอร์/มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันขยับลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันเมื่อวันจันทร์ (21 ส.ค.) หลังพบกลุ่มผู้ผลิตปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังผลิตน้อยลง ส่วนวอลล์สตรีทปิดแคบและทองคำบวก ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีที่คุกรุ่นขึ้นมาอีกรอบ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนกันยายน ลดลง 1.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.06 ดอลลาร์ ปิดที่ 51.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โอเปกและชาติผู้ผลิตอื่นๆนอกโอเปก ในนั้นรวมถึงรัสเซีย เห็นพ้องกันเมื่อปีที่แล้ว ในการลดกำลังผลิตรวมลง 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับพีกสูงในเดือนตุลาคมปีก่อน เพื่อบรรเทาภาวะอุปทานล้นตลาดและส่งเสริมราคาน้ำมัน และต่อมาข้อตกลงนี้ได้ถูกต่ออายุไปจนถึงเดือนมีนาคม 2018
อย่างไรก็ตาม รายงานประจำเดือนของทบวงพลังงานสากล พบว่า ตัวเลขการปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวของโอเปกลดลงแตะระดับต่ำสุดในปีนี้ โดยเหลือเพียง 75 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ข้อมูลที่กระพือความกังวลเกี่ยวกับอุปทานขึ้นมาอีกรอบ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (21 ส.ค.) เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ความตึงเครียดที่คุกรุ่นระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือก่อความกังวลแก่นักลงทุน ขณะที่ราคาน้ำมันฉุดหุ้นกลุ่มพลังงาน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 29.24 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 21,703.75 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 2.82 จุด (0.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,428.37 จุด แนสแดค ลดลง 3.40 จุด (0.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,213.13 จุด
สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ เริ่มต้นซ้อมรบที่วางแผนกันไว้นานแล้วเมื่อวันจันทร์ (21 ส.ค.) ซ้ำเติมความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ ซึ่งประณามการซ้อมรบดังกล่าวว่าเป็นก้าวย่างที่มุ่งหน้าสู่ความขัดแย้งทางนิวเคลียร์โดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาการพบปะกันระหว่างนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กับเหล่านายธนาคารกลางต่างๆจากทั่วโลก ที่แจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง โดยนักลงทุนหวังว่ามันจะบ่งชี้เผยแนวโน้มทิศทางด้านนโยบายทางการเงิน
สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ กระตุ้นให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและดันราคาทองคำในวันจันทร์ (21 ส.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 11 สัปดาห์ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 5.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,296.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์