รอยเตอร์ - สื่อฟินแลนด์เผยหนุ่มโมร็อกโกที่ถูกจับฐานไล่แทงคนจนทำให้ผู้หญิงสองรายเสียชีวิต และบาดเจ็บอีก 8 รายนั้น ถูกปฏิเสธการขอลี้ภัย และดูเหมือนการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายครั้งแรกในฟินแลนด์นี้เจาะจงโจมตีผู้หญิงเท่านั้น
ตำรวจยังเปิดเผยด้วยว่า ผู้ต้องสงสัยวัย 18 ปีในคดีนี้ เดินทางถึงฟินแลนด์เมื่อปีที่แล้ว
ผู้ต้องสงสัยรายนี้ถูกตำรวจยิงที่ขาก่อนถูกจับกุมในเมืองทูร์คู นอกจากนี้ยังมีชายโมร็อกโกอีก 4 คนถูกจับกุมเนื่องจากสงสัยว่า มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และยังมีการออกหมายจับชายโมร็อกโกคนที่ 6 พร้อมขอความร่วมมือไปยังประเทศต่างๆ ด้วย
สถานีเอ็มทีวีของฟินแลนด์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวนิรนามว่า ผู้ต้องสงสัยหลักถูกปฏิเสธการขอลี้ภัยในฟินแลนด์ ด้านตำรวจระบุเพียงแค่เด็กหนุ่มผู้นี้เคยอยู่ในกระบวนการขอลี้ภัย
ไฮโม นูร์มี ผู้จัดการศูนย์รับรองสภากาชาดในตูร์กูที่มีการลดธงลงครึ่งเสาเมื่อวันเสาร์ (19 ส.ค.) เผยว่า ผู้ต้องสงสัยดังกล่าวเป็นผู้ขอลี้ภัย แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่า ใบสมัครของชายหนุ่มผู้นั้นได้รับอนุมัติหรือไม่
นูร์มีเสริมว่า ตำรวจไปที่ศูนย์เมื่อวันศุกร์และควบคุมตัวผู้พำนักในศูนย์ไปหลายคน แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับการขอลี้ภัยของผู้ต้องสงสัยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า นี่อาจเป็นการก่อการร้ายครั้งแรกในฟินแลนด์ ประเทศที่มีสถิติอาชญากรรมร้ายแรงต่ำมาก โดยทางตำรวจกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับเหตุคนร้ายขับรถตู้พุ่งชนคนในเมืองบาร์เซโลนาของสเปนเมื่อวันพฤหัสบดีหรือไม่
แอนต์ติ เพลต์ทารี ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองความมั่นคงฟินแลนด์แถลงว่า ผู้ต้องสงสัยมีประวัติพ้องกับผู้ก่อการร้ายอิสลามสุดโต่งหลายคนที่ก่อเหตุในยุโรป
ตำรวจยังเผยอีกว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายและผู้บาดเจ็บอีก 8 รายในเหตุการณ์นี้เป็นผู้หญิงทั้งหมด พร้อมแจกแจงว่า ผู้หญิงที่เสียชีวิตเป็นคนฟินแลนด์ทั้งคู่ ส่วนในจำนวนผู้บาดเจ็บมีชาวอิตาลี 1 คนและสวีเดน 2 คนรวมอยู่ด้วย
คริสตา แกรนโรธ จากสำนักงานสอบสวนแห่งชาติตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ต้องสงสัยเลือกทำร้ายเฉพาะผู้หญิง ส่วนผู้ชายที่ได้รับบาดเจ็บคือพวกที่เข้าไปช่วยหรือขัดขวางการโจมตี
นายกรัฐมนตรี จูฮา ซิปิลา ของฟินด์แลนด์ ได้ออกมาประณามผู้ก่อเหตุครั้งนี้ว่าเป็นพวกขี้ขลาด
“เรากลัวสิ่งนี้และเตรียมตัวรับมือมาตลอด เราไม่ใช่แค่เกาะๆ หนึ่งอีกต่อไป แต่ยุโรปทั้งหมดกำลังได้รับผลกระทบ” ผู้นำฟินแลนด์ กล่าว
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันศุกร์ ในตลาดหลักของเมืองตูร์กู ห่างจากกรุงเฮลซิงกิไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 160 กิโลเมตร
รายงานระบุว่า ผู้บาดเจ็บ 4 คนยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดย 3 คนในจำนวนนี้อยู่ในแผนกผู้ป่วยวิกฤต ส่วนคนอื่นถูกปล่อยตัวกลับบ้านตั้งแต่วันเสาร์
ชุมชนชาวอิรัก ซีเรีย และอิสลามในตูร์กูประณามเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น และเตรียมจัดชุมนุมเพื่อแสดงความเป็นเอกภาพในจัตุรัสหลักของเมือง แต่ตัดสินใจยกเลิกเนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย
อับดีเราะห์มาน โมฮัมเหม็ด ประธานชุมชนอิสลามในตูร์กูที่มีสมาชิกราว 2,000 คน ยืนยันว่าไม่รู้จักผู้ต้องสงสัยชาวโมร็อกโกทั้งหมด
ทั้งนี้ กระแสต่อต้านผู้อพยพนั้นคุกรุ่น หลังจากที่ฟินแลนด์รับผู้ขอลี้ภัย 32,500 คนระหว่างวิกฤตผู้ลี้ภัยในปี 2015 สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดขึ้นเมื่อกลุ่มต่อต้านการอพยพที่ชื่อ "ฟินแลด์ มูฟ" จัดชุมนุมในตูร์กูเมื่อวันเสาร์ แต่เผชิญม็อบต้านจากอีกฝ่ายที่ชูป้าย “ไม่ต้อนรับลัทธิเหยียดผิว”
ก่อนเกิดเหตุโจมตีที่ตูร์กู มีประชาชนราว 200 คนชุมนุมต่อต้านการสร้างมัสยิดและการอพยพของชาวมุสลิมในเฮลซิงกิภายใต้การจัดการของ "ฟินนิช ดีเฟนซ์ ลีก" ซึ่งป็นกลุ่มขวาจัด
สมาชิกบางคนของพรรคชาตินิยม "ฟินส์" ที่ถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อเดือนมิถุนายนเนื่องจากมีจุดยืนแข็งกร้าวต่อต้านการอพยพนั้น กล่าวหารัฐบาลว่า ใช้นโยบายผู้อพยพที่หละหลวมเกินไป
วิลล์ ตาวิโอ สมาชิกรัฐสภาจากพรรคฟินส์ชี้ว่า ระบบลี้ภัยเป็นสาเหตุหลักของการลักลอบเข้าเมืองและเป็นช่องทางหลบเลี่ยงของผู้ก่อการร้าย นโยบายการเข้าเมืองที่อันตรายสามารถควบคุมได้ด้วยการลดความน่าดึงดูดของฟินแลนด์หรือเพิ่มมาตรการควบคุมตามแนวชายแดน
ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลฟินแลนด์ได้เพิ่มความเข้มงวดของนโยบายคนเข้าเมืองพร้อมเพรียงกับประเทศแถบนอร์ดิกรายอื่นๆ