(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
North Korea speeds development of next-generation US artillery shells
By Peter J. Brown
18/08/2017
กองทัพสหรัฐฯกำลังพัฒนา ลูกกระสุนปืนใหญ่ความยาวประมาณ 2 ฟุต รู้จักกันในชื่อว่า “hypervelocity projectiles” หรือ HVPs ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่า 5,000 ไมล์ต่อชั่วโมง และเข้าโจมตีเป้าหมายที่อยู่ห่างไกลออกไป 100 ไมล์ ด้วยแรงพุ่งชนของรถไฟบรรทุกสินค้า ทั้งนี้กรณีขู่คำรามสำแดงฤทธิ์เดชของเกาหลีเหนือ มีหวังส่งผลเร่งรัดให้โครงการนี้เดินหน้าไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
ผลกระทบต่อเนื่องประการหนึ่งซึ่งยังไม่ค่อยเป็นที่ทราบกันนัก จากการสำแดงแสนยานุภาพเชิงคุกคามข่มขู่รอบล่าสุดของเกาหลีเหนือ ก็คือ มันทำให้กองทัพสหรัฐฯมีเหตุผลสำหรับการเร่งรัดการพัฒนากระสุนปืนใหญ่ยุคหน้า ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ไปได้ไกลมากด้วยอัตราความเร็วระดับ 4 เท่าของความเร็วเสียง
ครับ กระสุนปืนใหญ่พวกนี้สามารถที่จะสอยขีปนาวุธที่กำลังยิงเข้ามาได้
ลูกกระสุนปืนใหญ่ความยาวราว 2 ฟุต ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า “hypervelocity projectiles” (“อาวุธปล่อยที่มีความเร็วสูงยิ่ง” ใช้อักษรย่อว่า HVPs ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.baesystems.com/en/product/hyper-velocity-projectile-hvp) นี้ กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบการทำงานมาตั้งแต่ปี 2016 (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://nationalinterest.org/blog/the-buzz/the-us-army-firing-100-mile-range-5000-mile-per-hour-big-17717) มันสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วเกินกว่า 5,000 ไมล์ต่อชั่วโมง เวลาที่มันกระทบเป้าหมายจึงให้ผลเหมือนกับการพุ่งชนของรถไฟบรรทุกสินค้า
เนื่องจากลูกกระสุนปืนใหญ่ยุคอนาคตนี้ สามารถนำวิถีเพื่อให้พุ่งเข้าสู่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งเคลื่อนที่ได้ด้วยอัตราเร็วสูงยิ่งขนาดที่กล่าวมา มันจึงสามารถพุ่งเข้าชนเป้าหมายที่อยู่ห่างไกลออกไปถึง 100 ไมล์ในเวลาเพียง 72 วินาที จึงเป็นการตัดทางเลือกที่เป้าหมายเหล่านี้จะทำการหลบหลีกลงไปได้อย่างมากมายทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น ลูกกระสุนปืนใหญ่ หรืออาวุธปล่อยเหล่านี้ สามารถยิงด้วยอัตรา 20 นัดต่อนาที เข้าใส่เป้าหมายต่างๆ รวมทั้งพวกที่กำลังเคลื่อนที่ด้วย โดยยิงออกจากปืนใหญ่ที่กำลังเข้าประจำการใช้งานกันอยู่ในกองทัพอเมริกันเวลานี้ เพียงแต่ต้องผ่านการดัดแปลงปรับเปลี่ยนกันบ้าง
ปืนใหญ่พวกนี้ ดังเช่น ปืนติดตั้งบนเรือขนาดลำกล้อง 5 นิ้ว (5-inch, ship-mounted gun) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ และปืนใหญ่ฮาววิตเซอร์ พาลาดิน 155 มม. (Paladin 155-mm howitzer) ของกองทัพบกสหรัฐฯ เป็นปืนใหญ่ประเภทที่ในศัพท์แสงวงการทหารเรียกขานกันว่า “พาวเวอร์ กัน” (powder guns) ทั้งนี้ลูกกระสุนปืนใหญ่มาตรฐานในเวลานี้ มีพิสัยทำการไม่ถึง 20 ไมล์
ข้อดีข้อได้เปรียบอันโดดเด่นอีกข้อหนึ่งของกระสุนปืนใหญ่/อาวุธปล่อยรุ่นอนาคตน คือ มีราคาต่ำกว่ามากเมื่อนำมาใช้เป็นสมรรถนะการป้องกันเพื่อทำการต่อสู้กับขีปนาวุธที่ยิงเข้ามา อดีตรัฐมนตรีช่วยกลาโหมสหรัฐฯ บ็อบ เวิร์ก (Bob Work) เคยชี้ถึงเรื่องนี้ในการกล่าวปราศรัยที่สถาบันสงครามกองทัพบกสหรัฐฯ (Army War College) เมื่อปี 2015 (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://archive.defense.gov/Speeches/Speech.aspx?SpeechID=1930)
“ขณะนี้เรากำลังยิงขีปนาวุธราคา 14 ล้านดอลลาร์ เพื่อไล่ตามสอยขีปนาวุธราคาลูกละ 50,000 ดอลลาร์ มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย” เขากล่าว
“เรามักคิดกันอยู่เสมอในเรื่องการใช้ระบบ “ทาด” (THAAD ย่อมาจาก Terminal High Altitude Antimissile Defense ระบบป้องกันที่มุ่งยิงสกัดขีปนาวุธข้าศึกใน “ระยะเทอร์มินัล” บริเวณพิกัดตำแหน่งสูง) และระบบ แพค-3 (PAC-3 หรือ Patriot PAC-3 แพทริออต แพค-3 เป็นระบบป้องกันซึ่งออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่สกัดกั้นขีปนาวุธนำวิถีข้าศึกในขณะวงโคจรของมันอยู่ในช่วงปลายของระยะ เทอร์มินัล) แต่จากการจำลองโมเดลทั้งหลายทั้งปวงในเวลานี้กำลังบอกกับเราว่า อาวุธปืนใหญ่กองทัพบกแต่ละกระบอก ซึ่งเป็นปืนใหญ่แบบ powder gun นี่แหละ เมื่อบรรจุด้วยกระสุนนำวิถีแบบก้าวหน้า (HVPs) ก็จะสามารถทำลายการโจมตีโดยขีปนาวุธขนาดหนักลงได้” เวิร์ก กล่าว
คำกล่าวของเวิร์ก หมายความว่า ปืนใหญ่ฮาววิตเซอร์ 155 มม. ของกองทัพบกสหรัฐฯทุกๆ กระบอก สามารถที่จะดัดแปลงเพื่อใช้บรรจุกระสุนปืนใหญ่/อาวุธปล่อย HVP ในการตอบโต้ต้านทานภัยคุกคามจากขีปนาวุธร่อน (cruise missile) และขีปนาวุธนำวิถีทางยุทธวิธี (tactical ballistic missile) ของข้าศึกในตลอดทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือด้วย
วิลล์ โรเปอร์ (Will Roper) ผู้อำนวยการของสำนักงานสมรรถนะทางยุทธศาสตร์ (Strategic Capabilities Office) ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ออกมากล่าวอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนเมื่อปีที่แล้วว่า โครงการ HVP เป็น “โครงการมหัศจรรย์” ซึ่งจะสามารถลดค่าใช้จ่ายของการป้องกันขีปนาวุธลงไปได้อย่างมากมาย
บริษัทบีเออี ซิสเตมส์ (BAE Systems) ได้พัฒนา HVP ที่มีขนาดความยาว 26 นิ้ว และน้ำหนักอยู่ที่ระหว่าง 40 ถึง 50 ปอนด์ โดยนับรวมส่วนหัวที่จะเป็นตัวเข้าปะทะน้ำหนักราว 15 ปอนด์เข้าไว้ด้วยแล้ว (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://fas.org/sgp/crs/weapons/R44175.pdf) ทั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องขนาดของ HVP แต่เป็นเรื่องความเร็วที่สูงอย่างยิ่งของ กระสุนปืนใหญ่/อาวุธปล่อย ชนิดนี้ต่างหาก ซึ่งทำให้มันสามารถกระแทกใส่และสร้างความหายนะต่อเป้าหมาย
สำหรับในทะเลนั้น บริษัทบีเออี ซิสเตมส์ คาดหมายว่าจะประสบความสำเร็จในอัตราสูงสุดด้วยการยิง HVP 20 นัดต่อนาทีจากปืนใหญ่ลำกล้อง 5 นิ้วแบบ Mk 45 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขณะที่บริษัทประมาณการว่าจะยิง HVP ได้ 10 นัดต่อนาทีจากระบบปืนใหญ่ 155mm Advanced Gun System (ระบบปืนใหญ่ล้ำยุค 155 มม.) ซึ่งนำมาติดต่อบนเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีชั้นใหม่ ทั้ง 3 ลำ โดยเริ่มต้นจาก ยูเอสเอส ซุมวอลต์ (USS Zumwalt) หรือ DDG 1000 ซึ่งเป็นเรือรบลำแรกของชั้นที่ถูกนำขึ้นระวางเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
อันที่จริงแล้วไม่ใช่เฉพาะแต่กองทัพสหรัฐฯเท่านั้น แต่ยังมีจีนและรัสเซีย ตลอดจนประเทศอื่นๆ อีกอย่างเช่นอินเดีย ซึ่งกำลังเดินหน้าเรื่องกระสุนปืนใหญ่/อาวุธปล่อย HVP
อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่าอิสราเอลคือผู้ที่อยู่นำหน้ากว่าใครเพื่อน และมีรายงานหลายชิ้นที่ยังไม่มีการพิสูจน์ยืนยัน ระบุว่าอิสราเอลกำลังพัฒนา HVP ซึ่งมีความสามารถที่จะพุ่งชนโจมตีเป้าหมายด้วยอัตราเร็วสูงกว่า มัค 10 (Mach 10 อัตราเร็ว 10 เท่าตัวของความเร็วเสียง)
สหรัฐฯวางแผนกำหนดให้กองทัพบกและกองทัพเรือสาธิตเรื่องการป้องกันขีปนาวุธโดยอาศัย HVP ภายในปีหน้า โดยที่จะใช้ปืนใหญ่เรือขนาด 5 นิ้วของกองทัพเรือ และปืนใหญ่ฮาววิตเซอร์ ของกองทัพบก ยิงกระสุน HVP ออกมา ทั้งนี้บางทีกระสุนเหล่านี้อาจจะนำวิถีด้วยเรดาร์ของเครื่องบินกองทัพอากาศสหรัฐฯที่ผ่านมาดัดแปลงมาเป็นพิเศษ
โฆษกเพนตาตอน พ.ท.โรเจอร์ แคบิเนสส์ (Lt. Col. Roger Cabiness) กล่าวในอีเมลฉบับหนึ่งว่า ทีมงาน HVP ซึ่งประกอบด้วยสำนักงานสมรรถนะทางยุทธศาสตร์ และกองทัพบก มีความก้าวหน้าไปอย่างสม่ำเสมอในการพัฒนาเรื่องนี้
“ต้นแบบนัดแรกๆ ถูกทดลองยิงในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 ที่สนามทดสอบขีปนาวุธ ไวต์ แซนด์ส (White Sands Missile Range) ในรัฐนิวเม็กซิโก หลังจากนั้นมา ทีมงานก็ได้ดำเนินการทดสอบเพิ่มเติมเสร็จสิ้นไปหลายร้อยนัดแล้ว” แคบิเนสส์กล่าว
เขาบอกว่าหน่วยงานต่างๆ ของกองทัพจะวินิจฉัยเพื่อกำหนดวันเวลาที่จะนำ HVP เข้าประจำการภายหลังจากทำการทดสอบต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว เมื่อถูกตั้งคำถามว่าลูกกระสุน/อาวุธปล่อยแบบใหม่นี้ จะสามารถใช้งานบนเรือต่างๆ ของกองทัพเรือสหรัฐฯตั้งแต่ช่วงปี 2019 หรือไม่
แคบิเนสส์ไม่ตอบคำถามที่ขอให้แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานะของจีนและรัสเซียในการพัฒนา HVP แต่เขาไม่ได้ปฏิเสธเมื่อถูกถามว่าสหรัฐฯกำลังแบ่งปันแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีในเรื่องนี้กับญี่ปุ่นและชาติพันธมิตรอื่นๆ ในแปซิฟิกใช่หรือไม่
“ในขณะที่ทีมงาน HVP ยังคงเติบโตเข้มแข็งขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง และมีการถ่ายโอนเทคโนโลยีอาวุธปล่อย เราย่อมสามารถประเมินถึงโอกาสต่างๆ ที่จะมีการเข้าร่วมของนานาชาติในโครงการนี้ อย่างที่จะเป็นการเอื้ออำนวยผลประโยชน์ให้แก่กันและกัน” แคบิเนสส์ กล่าว
อย่างไรก็ดี การนำเอากระสุนปืนใหญ่/อาวุธปล่อย HVP มาใช้ในปืนใหญ่ “พาวเวอร์ กัน” เช่นนี้ ยังคงถือเป็นเพียงย่างก้าวสำคัญย่างก้าวหนึ่ง ในการพัฒนาสิ่งที่เรียกกันว่า “ปืนแม่เหล็กไฟฟ้าแบบรางคู่ขนาน” (electromagnetic rail gun) ซึ่งดำเนินการกันมามาอย่างต่อเนื่องระยะหนึ่งแล้ว
อาวุธที่รู้จักเขียนขานกันเป็นตัวย่อว่า EMRGs เหล่านี้ ใช้แรงอันมหาศาลของพลังงานไฟฟ้าเพื่อการยิง HVP ออกไป โดยไม่ต้องใช้ดินปืน หรือการระเบิดทางเคมี แบบพาวเดอร์ กัน
กระสุน HVP จะถูกบรรจุลงไปในพาหะทำด้วยโลหะที่สามารถเลื่อนไปมาได้ พาหะนี้ถูกตรึงเอาไว้ระหว่างราง 2 รางที่วางขนานกันภายในสนามแม่เหล็ก
ความสามารถในการสร้าง, เก็บสะสม, และจากนั้นก็ปล่อยพลังงานไฟฟ้าเพื่อยิงกระสุนออกไป คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของ ENRGs ซึ่งจะยิง HVP ออกไปด้วยความเร็วกว่า 5,000 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องมีการจุดระเบิดก่อน
ปีเตอร์ เจ. บราวน์ สำเร็จการศึกษาระดับเกียรติยมทางด้านเอเชียศึกษาจาก คอนเนตทิคัต คอลเลจ (Connecticut College) ภายหลังทำงานอยู่ในลาวในช่วงต้นทศวรรษ 1970 เขาเป็นอดีตบรรณาธิการอาวุโสด้านมัลติมีเดียและความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของนิตยสาร “Via Satellite” ที่มีสำนักงานอยู่ในรัฐแมริแลนด์ และก็เป็นผู้เขียนเรื่องให้แก่เอเชียไทมส์ โดยบ่อยครั้งจะเขียนเกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ และประเด็นปัญหาความมั่นคงแห่งชาติในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้เขาเกิดที่อังการา, ตุรกี และปัจจุบันพำนักที่เคปค็อด, สหรัฐอเมริกา