เอเอฟพี - อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เข้าร่วมวงนานาชาติวิพากษ์วิจารณ์ความรุนแรงเกี่ยวกับสีผิวในสหรัฐฯเมื่อวันพุธ (16 ส.ค.) พร้อมเย้ยแทนที่จะคอยแซงแทรกแซงกิจการของประเทศอื่นๆ อเมริกาควรจัดการเรื่องภายในของตนเองให้ดีเสียก่อน
ผู้นำสูงสุดของอิหร่านโพสต์ข้อความเป็นทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของเขา ระบุว่า “หากสหรัฐฯ มีอำนาจใดๆ พวกเขาก็ควรบริหารประเทศตนเองให้ดีกว่านี้ จัดการกับ #WhiteSupremacy แทนการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นๆ”
กลุ่ม White Supremacy เป็นกลุ่มที่เชื่อว่าเผ่าพันธุ์คนผิวขาวนั้นมีฐานะสูงส่งและเป็นเลิศกว่ากลุ่มเผ่าพันธุ์อื่น และมุ่งต่อต้านคนผิวสี โดยสมาชิกของกลุ่มนี้มักสืบเชื้อสายมาจากชาวยุโรป และต้องการปกป้องรักษาสถานะความมั่งคั่ง อำนาจ และอภิสิทธิของตนในสังคมต่อไป
ข้อความที่โพสต์บนทวิตเตอร์ของคาเมเนอี พาดพิงถึงสถานการณ์ความเดือดดาลในสหรัฐฯ ต่อกรณีผู้ต้องสงสัยคลั่งไคล้นาซีคนหนึ่งขับรถยนต์เข้าพุ่งชนฝูงชนที่ออกมารวมตัวประท้วงกลุ่มเหยียดผิวในชาร์ล็อตส์วิลล์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 19 คน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กระพือข้อถกเถียงซ้ำเติมสถานการณ์ หลังออกมาย้ำจุดยืนเดิมว่าเหตุนองเลือดระหว่างการชุมนุมประท้วงของพวกชาตินิยมผิวขาวที่เมืองชาร์ล็อตต์สวิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย เป็นความผิดของผู้ชุมนุม "ทั้งสองฝ่าย"
ความแตกแยกที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมสหรัฐฯ เปิดทางให้อิหร่านหันเหความสนใจออกจากคำกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชนภายในประเทศของพวกเขา และสวนคำวิพากษ์วิจารณ์กลับไปยังศัตรูคู่อริเก่าแก่อย่างสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวหาวอชิงตัน โป้ปดในรายงานประจำปีด้านเสรีภาพทางศาสนา ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (15 ส.ค.) และกล่าวหาเตหะรานอย่างรุนแรง
“ชัดเจนว่าการเลือกปฏิบัติทางศาสนาและสีผิว ความหวาดกลัวอิสลามและโรคหวาดกลัวชาวต่างชาติ กลายเป็นปรากฏการณ์ที่แพร่ระบาดอย่างกว้างขวางและเกิดขึ้นเนืองๆ ในหมู่นักการเมืองอเมริกา” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านระบุบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของกระทรวง