เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ถูกวิจารณ์อย่างหนักอีกครั้งเมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) หลังออกมาย้ำจุดยืนเดิมว่าเหตุนองเลือดระหว่างการชุมนุมประท้วงของพวกชาตินิยมผิวขาวที่เมืองชาร์ล็อตต์สวิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย เป็นความผิดของผู้ชุมนุม “ทั้งสองฝ่าย”
1 วันก่อนหน้านั้น ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งทนแรงกดดันไม่ไหวได้ออกมาตำหนิลัทธิเหยียดผิว พร้อมระบุชื่อกลุ่ม “คูคลักซ์แคลน” (KKK) และ “นีโอนาซี” ว่าเป็นพวกอาชญากรและอันธพาล แต่ล่าสุด ทรัมป์ ได้ออกมาโทษฝ่าย “ซ้ายจัด” ว่าเป็นต้นเหตุของความรุนแรงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์เช่นกัน
ทรัมป์ ถูกติเตียนจากทุกกลุ่มการเมืองในสหรัฐฯ เกี่ยวกับวิธีตอบสนองเหตุประท้วงที่เมืองชาร์ล็อตต์สวิลล์ ซึ่งเริ่มจากการที่พวกนีโอนาซีและไวท์ซูพรีเมซิสต์ออกมารวมตัวคัดค้านการรื้อรูปปั้น โรเบิร์ต อี. ลี ผู้นำกองกำลังสมาพันธรัฐ ซึ่งเป็นวีรบุรุษของฝ่ายใต้ในสงครามกลางเมืองอเมริกา จนนำมาสู่การปะทะกับกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย
เหตุชุลมุนในวันนั้นจบลงด้วยเลือด เมื่อ เจมส์ ฟิลด์ส อดีตทหารเกณฑ์วัย 20 ปี ที่คลั่งไคล้ลัทธินาซี ได้ขับรถยนต์พุ่งเข้าใส่ผู้ประท้วงที่ต่อต้านการเหยียดผิวจนทำให้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บอีก 19 คน
ระหว่างให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่อาคารทรัมป์ทาวเวอร์ในนครนิวยอร์กเมื่อวันอังคาร (15) ผู้นำสหรัฐฯ ยอมรับตรงๆ ว่าเหนื่อยหน่ายที่จะตอบคำถามเรื่องนี้
“ผมเชื่อว่ามันก็มีส่วนผิดกันทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ” ทรัมป์ กล่าว
ระหว่างที่ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์อยู่ พล.อ.จอห์น เคลลี ประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนใหม่ได้ยืนนิ่ง และมีท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ฝ่ายหนึ่งก็เป็นคนไม่ดี แต่อีกฝ่ายก็ใช้ความรุนแรงมากเหมือนกัน ถึงไม่มีใครอยากพูด แต่ผมจะพูดในวันนี้” ทรัมป์ ระบุ
“แล้วพวกซ้ายจัดที่ตรงเข้าไปทำร้ายพวกขวาจัดล่ะ? พวกเขามีความสำนึกผิดบ้างไหม? เหรียญมันก็ต้องมี 2 ด้าน”
เดวิด ดยุค อดีต “พ่อมดใหญ่” ของกลุ่ม KKK ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำผู้ประท้วงขวาจัดเมื่อวันเสาร์ (12) ออกมาโพสต์ทวิตเตอร์ชื่นชมทัศนคติของผู้นำสหรัฐฯ โดยระบุว่า “ขอบคุณประธานาธิบดี ทรัมป์ ที่ท่านมีความจริงใจและกล้าหาญพอที่จะพูดความจริงเกี่ยวกับ #ชาร์ล็อตต์สวิลล์ และประณามพวกก่อการร้ายฝ่ายซ้าย”
ด้านกลุ่มฝ่ายซ้ายก็รับไม่ได้ที่ประธานาธิบดีแสดงจุดยืนเช่นนี้
ทิม เคน อดีตผู้สมัครรองประธานาธิบดีและ ส.ว.เดโมแครตจากรัฐเวอร์จิเนีย ยืนยันว่า “เหตุรุนแรงที่ชาร์ล็อตต์สวิลล์ถูกกระตุ้นโดยคนฝ่ายเดียว ซึ่งก็คือพวกไวท์ซูพรีเมซิสต์ที่พยายามเผยแพร่ลัทธิเหยียดผิว การไม่อดทนซึ่งกันและกัน และการข่มขู่คุกคาม ทั้งหมดนี้คือความจริง”
ส.ว.มาร์ก วอร์เนอร์ จากพรรคเดโมแครต ทวีตข้อความว่า “ไม่มีอะไรจะพูด” ส่วน พอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันก็ยืนยันผ่านทวิตเตอร์ว่า “เราต้องมีความชัดเจน ลัทธิเชิดชูผิวขาวเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ความดันทุรังของพวกเขาขัดต่อค่านิยมทุกประการที่สหรัฐฯ ยึดถือ เราต้องไม่ปล่อยให้เกิดความกำกวมในด้านศีลธรรม”
ริชาร์ด ทรัมกา ประธานสหภาพแรงงาน AFL-CIO ได้ขอลาออกจากคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจของทรัมป์เป็นรายล่าสุด ตามอย่างบรรดาผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ อีกหลายคน
“คำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์ในวันนี้ หักล้างคำแถลงที่เขาถูกบังคับให้ออกมาพูดเกี่ยวกับพวก KKK และนีโอนาซีเมื่อวันก่อน... เราจำเป็นต้องลาออกเพื่อแสดงจุดยืนของแรงงานอเมริกันทุกคนที่ปฏิเสธความชอบธรรมของกลุ่มคนหัวดื้อเหล่านี้”
เมื่อผู้สื่อข่าวถาม ทรัมป์ ว่าเหตุใดเขาจึงประวิงเวลาจนถึงวันจันทร์ (14) กว่าจะออกมาตำหนิพวกที่สร้างความเกลียดชังในเมืองชาร์ล็อตต์สวิลล์ ประธานาธิบดีก็อ้างว่าตนไม่อยากพูดอะไรในวันเสาร์ (12) เพราะยังไม่ทราบความจริงทั้งหมด
“ผมไม่เหมือนนักการเมืองคนอื่นๆ เพราะผมต้องการมั่นใจว่าสิ่งที่ผมพูดมันถูกต้อง” ทรัมป์กล่าว พร้อมทั้งตำหนิ เจมส์ ฟิลด์ส ซึ่งถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนาแต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อนว่า “สร้างความเสื่อมเสียให้แก่ตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติ”
ทรัมป์ ชี้ว่าแม้จะมีผู้ประท้วงบางคนที่ก่อปัญหา แต่ก็มีอีกหลายคนที่ “ออกมาชุมนุมด้วยใจบริสุทธิ์ และถูกต้องตามกฎหมาย” เพราะไม่ต้องการให้รูปปั้นบุคคลสำคัญอย่าง โรเบิร์ต อี. ลี ถูกรื้อถอน
“ผมอยากรู้นักว่า สัปดาห์หน้าจะมีคนเรียกร้องให้รื้อรูปปั้น จอร์จ วอชิงตัน ไหม? แล้วสัปดาห์ถัดไปก็จะเป็น โทมัส เจฟเฟอร์สัน ใช่หรือเปล่า? เราจะยอมให้มีการรื้อรูปปั้นบุคคลทั้งสองได้อย่างนั้นหรือ?” ทรัมป์ ตั้งคำถามด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว
ทรัมป์ ยังกล่าวปกป้องที่หัวหน้าทีมยุทธศาสตร์หัวขวาจัด สตีฟ แบนนอน โดยยืนยันว่า “เขาไม่ใช่พวกเหยียดผิว” แต่ก็ไม่ฟันธงว่าชายผู้นี้จะถูกปลดในอนาคตหรือไม่