เอเจนซีส์ - แหล่งข่าววงในระบุว่า ผู้ผลิตรถยนต์ Audi ตั้งเป้าจะลดค่าใช้จ่ายมากถึง 10 พันล้านยูโร ภายในปี 2022 เพื่อเอาเงินส่วนนี้ไปช่วยสนับสนุนการทำรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง หลังจากประสบปัญหาข่าวฉาวเรื่องการวัดค่ามลพิษ
รถยนต์แบรนด์ Audi ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวทำกำไรหลักของ “โฟล์คสวาเกน” มีแผนจะทำรถยนต์ไฟฟ้าออกสู่ท้องตลาดจำนวน 5 รุ่น ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มด้วยรถเอสยูวี e-tron ซึ่งจะเริ่มประกอบออกมาขายในปี 2018 ที่บรัสเซลส์
แหล่งข่าววงในบอกว่า โครงการรถยนต์ไฟฟ้าทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ค่ายรถหรูรายนี้ก็ยังคงต้องการกำไรที่ 8 เปอร์เซ็นต์ต่อปีเป็นอย่างต่ำ ซึ่งในครึ่งแรกของปีนี้ทำได้ที่ 8.9 เปอร์เซ็นต์
“ดังนั้นการประหยัดเงินค่าใช้จ่ายก้อนโตราว 10 พันล้านยูโร จะมาจากการลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการวิจัยและพัฒนา” แหล่งข่าวระบุ
โฆษกที่สำนักงานใหญ่ของ Audi ในเยอรมนี ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ธุรกิจเมืองเบียร์ Handelsblatt ก็มีการรายงานเรื่องนี้เช่นกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ค่ายรถ Audi ยังตั้งเป้าจะระดมเงินสำหรับลงทุนในเทคโนโลยีไร้มลพิษ โดยการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ร่วมกับ Porsche ทำให้ทั้งสองแบรนด์รถหรูที่อยู่ในเครือ “โฟล์คสวาเกน” จะประหยัดเงินได้ด้วยการใช้ชิ้นส่วนต่างๆ ร่วมกัน
ปัญหาที่ Audi กำลังเจออยู่ตอนนี้คือการเรียกรถคืน การสืบสวนของอัยการ รวมถึงคำตำหนิจากสหภาพแรงงานและบรรดาผู้จัดการ เกี่ยวกับเรื่องมลพิษของเครื่องยนต์ดีเซล และกลยุทธ์หลังจากนี้
มีแหล่งข่าวบอกกับรอยเตอร์เมื่อวันศุกร์ว่า 7 ผู้บริหารระดับสูงของ 4 แบรนด์รถยนต์ในเครือโฟล์คสวาเกนจะมีการถอนตัวในอนาคตอันใกล้นี้ จากนั้นในวันอาทิตย์ก็มีแหล่งข่าวบอกอีกว่า มีการหารือเรื่องนี้กันในบอร์ดระดับสูง แต่ยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการ