รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นได้ต่อโทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันนี้ (31 ก.ค.) โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าต้องมีบทลงโทษเพิ่มเติมต่อเกาหลีเหนือ ขณะที่ทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่าวอชิงตันพูดเรื่องเกาหลีเหนือไปจนหมดแล้ว และถึงเวลาที่ทุกประเทศจะต้องบีบคั้นโสมแดงอย่างจริงจัง
นิกกี ฮาร์ลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น แถลงว่า จีนต้องตัดสินใจว่าจะสนับสนุนให้ยูเอ็นออกมาตรการคว่ำบาตรที่หนักหน่วงขึ้นหรือไม่ หลังจากเกาหลีเหนือท้าทายประชาคมโลกด้วยการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) เมื่อวันศุกร์ (28) ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน
ฮาลีย์ ย้ำว่า มติของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น “ที่ไม่เพิ่มแรงกดดันอย่างยิ่งยวดต่อเกาหลีเหนือนั้นไม่มีประโยชน์” ขณะที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เองก็จำเป็นต้องตอบโต้โสมแดงด้วยเช่นกัน
ผู้นำญี่ปุ่นได้ให้สัมภาษณ์หลังสนทนาทางโทรศัพท์กับ ทรัมป์ ว่า ประชาคมโลกยังไม่อาจหาทางออกโดยสันติให้แก่ปัญหาเกาหลีเหนือแม้จะได้พยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่พฤติกรรมยั่วยุฝ่ายเดียวของเปียงยางนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ประชาคมโลก รวมถึงรัสเซียและจีน จำเป็นต้องใช้มาตรการกดดันที่มากขึ้นและจริงจัง” อาเบะ กล่าว พร้อมยืนยันว่าญี่ปุ่นและสหรัฐฯ มีแผนตอบโต้เกาหลีเหนืออย่างเป็นรูปธรรม ทว่ายังไม่เผยรายละเอียด
อย่างไรก็ตาม โคอิจิ ฮางิอูดะ รองโฆษกคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ยืนยันว่า อาเบะ และ ทรัมป์ ไม่ได้หารือความเป็นไปได้ที่จะใช้ “ปฏิบัติการทางทหาร” กับเกาหลีเหนือ รวมถึงการกระทำของเปียงยางที่จะถือเป็นการ “ล้ำเส้น”
รัฐบาลเปียงยางแถลงเมื่อวันเสาร์ (29) ว่า ผลการยิงทดสอบครั้งล่าสุดยืนยันได้ว่าจรวด ICBM ของเกาหลีเหนือมีศักยภาพที่จะส่งหัวรบไปโจมตีเป้าหมาย “ทุกจุดบนแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ” ซึ่งทำให้ ทรัมป์ และจีนออกมาแถลงประณามอย่างหนัก
ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความอีกว่า ตนรู้สึก “ผิดหวังอย่างยิ่ง” ที่จีนไม่ได้ช่วยสหรัฐฯ กดดันเกาหลีเหนือเลย และตนจะยอมให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้
รัฐบาลจีนยังไม่ได้ออกมาแถลงตอบโต้ ทรัมป์ อย่างเป็นทางการ ทว่าหนังสือพิมพ์โกลบัลไทม์สซึ่งเป็นสื่อแท็บลอยด์ของปักกิ่งได้เตือนในบทบรรณาธิการฉบับวันนี้ (31) ว่า ข้อความทวีตที่ “ผิดพลาด” ของ ทรัมป์ จะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น และ ทรัมป์ ยังไม่เข้าใจปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลีดีพอ
“เปียงยางมุ่งมั่นที่จะพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ ถึงขนาดที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้เอากำลังทหารมาขู่ก็ยังไม่สนใจ แล้วมาตรการคว่ำบาตรของจีนจะช่วยอะไรได้” โกลบัลไทม์ส ซึ่งเป็นสื่อในเครือเดียวกับหนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี ระบุ
ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสประจำทำเนียบสีน้ำเงินของเกาหลีใต้ ยืนยันว่า ประธานาธิบดี มุน แจอิน ซึ่งอยู่ระหว่างหยุดพักผ่อนจะต่อโทรศัพท์พูดคุยกับ ทรัมป์ เร็วๆ นี้
สหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดเร็วเหนือเสียง B-1B ไปบินโชว์แสนยานุภาพเหนือคาบสมุทรเกาหลีเมื่อวันอาทิตย์ (30) เพื่อตอบโต้ที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป “ฮวาซอง-14” เมื่อวันศุกร์ (29) และวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยฝูงบิน B-1B ของสหรัฐฯ ซึ่งเดินทางไปจากฐานทัพบนเกาะกวมยังได้ปฏิบัติภารกิจฝึกซ้อมร่วมกับฝูงบินขับไล่ของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ด้วย
“เกาหลีเหนือยังเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพของภูมิภาคที่ร้ายแรงและเร่งด่วนที่สุด” พล.อ. เทอร์เรนซ์ เจ. โอโชเนสซี ผู้บัญชาการกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในภูมิภาคแปซิฟิก ระบุในถ้อยแถลง
“หากได้รับคำสั่ง เราก็พร้อมที่จะตอบโต้อย่างรวดเร็วและรุนแรง ในเวลาและสถานที่ที่เรากำหนด”