รอยเตอร์ - ความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะผลักดันวุฒิสภาให้เห็นชอบร่างกฎหมายสาธารณสุขฉบับใหม่ที่จะมาแทนที่ “โอบามาแคร์” ส่อแววพังพินาศ หลังมี ส.ว.รีพับลิกันอีก 2 รายออกมาประกาศคัดค้านเมื่อวานนี้ (17 ก.ค.) ทำให้เสียงสนับสนุนฝ่าย ทรัมป์ เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งสภา
ส.ว.ไมค์ ลี และ ส.ว.เจอร์รี โมแรน ประกาศจุดยืนผ่านทวิตเตอร์เมื่อค่ำวานนี้ (17) ว่าพวกเขาไม่สามารถสนับสนุนร่างกฎหมายล้มโอบามาแคร์แบบที่เป็นอยู่ได้ ซึ่งทำให้จำนวน ส.ว.รีพับลิกันที่ค้านร่างกฎหมายของทรัมป์ เพิ่มขึ้นเป็น 4 คน
ข่าวร้ายล่าสุดมีขึ้นในขณะที่ ส.ว.รีพับลิกันคนอื่นๆ กำลังหารือกับ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ก็พยายามล็อบบี้คนในพรรคให้ผนึกกำลังไฟเขียวร่างกฎหมายใหม่ เพื่อทำตามสัญญาที่ไว้ขณะหาเสียงว่าจะล้มโอบามาแคร์ และออกกฎหมายที่ดีกว่ามาแทนที่
ปรากฏการณ์ครั้งนี้ยังสะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลทรัมป์ในการที่จะใช้ประโยชน์จากการครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา
หลังจากนี้ มิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำ ส.ว.รีพับลิกันเสียงข้างมาก จะต้องตัดสินใจว่าควรเดินหน้าไปสู่การโหวต หรือจะปล่อยให้ร่างกฎหมายนี้ตกไปเฉยๆ และหันไปทุ่มเทเวลาให้กับปัญหาเร่งด่วนอื่นๆ เช่น การปฏิรูปภาษี
“เราไม่ควรตีตราสนับสนุนนโยบายที่ไม่ดี” โมแรน กล่าวผ่านทวิตเตอร์ พร้อมวิจารณ์ร่างกฎหมายนี้ว่าเกิดจากการหารือแบบ “ปิดลับ” ระหว่างคนไม่กี่คน
ผู้ช่วยของแม็กคอนเนลล์ ยังไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ใดๆ ขณะที่ ชาร์ลส์ ชูเมอร์ ผู้นำ ส.ว.เดโมแครตเสียงข้างน้อย ชี้ว่าความล้มเหลวครั้งที่ 2 ในการผลักดันกฎหมายฉบับนี้ “เป็นข้อพิสูจน์ว่าแก่นของกฎหมายมันใช้ไม่ได้”
ส.ว.รีพับลิกัน 2 คน คือ ซูซาน คอลลินส์ และ แรนด์ พอล ได้ประกาศคัดค้านร่างกฎหมายของทรัมป์ไปแล้วก่อนหน้า และเนื่องจากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา 52 จาก 100 เสียง การแปรพักตร์ของ ลี และ โมแรน เมื่อวานนี้ (17) จึงเท่ากับเป็นการ “ตอกฝาโลง” ร่างกฎหมายดังกล่าว
ส.ว.เดโมแครต ไม่เห็นด้วยแน่นอนที่ ทรัมป์ จะมาล้มกฎหมาย Affordable Care Act ปี 2010 ซึ่งเป็นผลงานด้านสาธารณสุขชิ้นโบแดงของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
การโหวตร่างกฎหมายต้องถูกเลื่อนออกไป หลังจากที่ ส.ว.จอห์น แม็กเคน จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อนำเลือดที่คั่งในศีรษะออก
คอลลินส์ ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (16) ว่ามี ส.ว.รีพับลิกันประมาณ 8-10 คนที่ยังไม่ศรัทธากับร่างกฎหมายของ ทรัมป์
ร่างกฎหมายนี้ผ่านการเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรไปเมื่อเดือน พ.ค. ทว่าเส้นทางการโหวตในสภาสูงนั้นมักจะยุ่งยากกว่าเสมอ เนื่องจากมีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มสายกลางที่ยังกังวลว่าการยกเลิกโอบามาแคร์จะกระทบต่อโครงการประกันสุขภาพเมดิเคด (Medicaid) ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อคนจนและผู้พิการ ขณะที่กลุ่มอนุรักษนิยมกลับต้องการให้รัฐตัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทิ้ง และรื้อกรอบของโอบามาแคร์ลงเกือบทั้งหมด