เอเจนซีส์ - รัฐบาลของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ประกาศว่า ฝรั่งเศสจะเลิกขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลภายในปี 2040 อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะทำให้บรรลุผลได้ตามเป้าของข้อตกลงปารีสเรื่องลดโลกร้อน
นิโคลาส ฮูลอต รัฐมนตรีนิเวศวิทยาคนใหม่ของฝรั่งเศส กล่าวว่า "เรากำลังประกาศถึงการสิ้นสุดการจำหน่ายรถยนต์เบนซินและดีเซลภายในปี 2040 ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการปฏิวัติอย่างแท้จริง"
เขาบอกว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับค่ายรถ แต่อุตสาหกรรมของฝรั่งเศสนั้นมีเครื่องไม้เครื่องมือที่เพียบพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง ค่ายรถของฝรั่งเศสมีไอเดียในลิ้นชักมากพอที่จะทำตามสัญญาในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับสาธารณสุขด้วย
รัฐมนตรีผู้เคยเป็นนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมรายนี้ ที่เป็นหนึ่งในบรรดานักการเมืองหน้าใหม่ที่มาครงมอบตำแหน่งระดับสูงในรัฐบาล ได้ระบุว่า การตัดสินใจนี้เคยเป็นหนึ่งในเรื่องที่ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับนโยบายสาธารณสุข ทั้งยังเป็นหนึ่งในหนทางที่จะจัดการกับมลพิษทางอากาศ
ปาสคาล แคนฟิน หัวหน้าองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกของฝรั่งเศส และเป็นอดีตนักการเมืองพรรคกรีนที่ทำงานในช่วงรัฐบาลของฟรังซัวร์ ออลลองด์ บอกว่า นโยบายใหม่นี้มีขึ้นเพื่อรับมือโลกร้อนให้มากกว่ารัฐบาลชุดก่อน ทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นผู้นำในการลงมือทำเพื่อลดโลกร้อน
ศาสตราจารย์ เดวิด ไบลีย์ ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมรถยนต์จากมหาวิทยาลัยแอสตัน ระบุว่า ช่วงเวลาที่กำหนดไว้นี้ถือว่าเพียงพอสำหรับการจัดการอย่างจริงจังในระยะยาว หากออกเป็นกฎหมายมันจะเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากๆ ไปสู่ผู้ผลิตและผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางขนส่งโดยตรง ทั้งยังอาจเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ทั้งนี้ นอร์เวย์ซึ่งเป็นประเทศที่มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในโลก ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะให้มีการจำหน่ายได้เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าและแบบไฮบริดปลั๊กอินภายในปี 2025