xs
xsm
sm
md
lg

เกาหลีใต้หวั่น “โสมแดง” อาจทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 เร็วๆ นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จรวดพิสัยไกลข้ามทวีป ฮวาซอง-14 ของเกาหลีเหนือขณะกำลังเคลื่อนออกจากฐานยิง ภาพเผยแพร่โดยสำนักข่าวเคซีเอ็นเอ เมื่อวันที่ 4 ก.ค.
รอยเตอร์ - รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ออกมาเตือนวันนี้ (5 ก.ค.) ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เกาหลีเหนือจะลงมือทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 ในอีกไม่ช้า หลังจากที่ยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้ดินแดนของสหรัฐฯ ตกอยู่ในความเสี่ยงจากอาวุธนิวเคลียร์ของโสมแดงอย่างแท้จริง

“เป้าหมายสูงสุดของเกาหลีเหนือคือการนำพลังงานนิวเคลียร์มาแปรสภาพเป็นอาวุธ ดังนั้น ผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูง” ฮัน มิน กู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ตอบคำถาม ส.ส.ผู้หนึ่งในรัฐสภาเกี่ยวกับความเป็นได้ที่โสมแดงจะทดสอบนิวเคลียร์ครั้งใหม่

“เราทราบกันอยู่แล้วว่าพวกเขาเตรียมพร้อมตลอดเวลาสำหรับการทดสอบนิวเคลียร์ แต่เวลานี้ยังไม่เห็นสัญญาณความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ” ฮัน กล่าว

เกาหลีเหนืออ้างว่า ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปที่เพิ่งพัฒนาสำเร็จและนำออกมายิงทดสอบวานนี้ (4) สามารถติดตั้ง "หัวรบนิวเคลียร์ขนาดใหญ่" ได้ด้วย ขณะที่สหรัฐฯ ชี้ว่าโสมแดงกำลังเป็น "ภัยคุกคามที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น" พร้อมทั้งเรียกร้องมาตรการตอบโต้จากนานาชาติ

โฆษกหญิงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันวานนี้ (4) ว่า สิ่งที่เกาหลีเหนือทดสอบจัดว่าเป็นจรวด ICBM จริง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าจรวดลูกล่าสุดนี้สามารถโจมตีรัฐอะแลสกา หรือแม้กระทั่งพื้นที่บางส่วนบนแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ ได้

สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนืออ้างถ้อยแถลงจากผู้นำ คิม จอง อึน ซึ่งระบุว่า การทดสอบครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าเกาหลีเหนือมีศักยภาพด้านอาวุธทางยุทธศาสตร์ที่เข้าขั้นสมบูรณ์แบบ คือมีทั้งระเบิดปรมาณู, ระเบิดไฮโดรเจน และขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป อยู่ในครอบครอง

ความสำเร็จในการยิงทดสอบยังช่วยรับรองประสิทธิภาพของจรวด ICBM ทั้งในด้านการแยกตัว, การกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก (re-entry) ตลอดจนระบบควบคุมหัวรบนิวเคลียร์ในขั้นสุดท้าย เคซีเอ็นเอ ระบุ

รัฐบาลเปียงยางยังประกาศกร้าวว่าจะ “ไม่เจรจา” กับสหรัฐฯ เรื่องการปลดอาวุธเหล่านี้ จนกว่าวอชิงตันจะละทิ้งนโยบายก้าวร้าวต่อเกาหลีเหนือ
จรวดพิสัยไกลข้ามทวีป ฮวาซอง-14 ของเกาหลีเหนือขณะกำลังเคลื่อนออกจากฐานยิง ภาพเผยแพร่โดยสำนักข่าวเคซีเอ็นเอ เมื่อวันที่ 4 ก.ค.

กำลังโหลดความคิดเห็น