รอยเตอร์ - ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (26 มิ.ย.) มอบชัยชนะแก่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังอนุญาตให้เขาแบนนักเดินทางจาก 6 ชาติมุสลิมและผู้ลี้ภัยทั้งหมดชั่วคราว สำหรับบุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับอเมริกา ในขณะเดียวกันก็ยินยอมรับคำอุทธรณ์ของเขาในการจับตาดูเที่ยวบินใกล้ชิดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ศาลสูงสุดลดขอบเขตคำตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ ที่พิพากษาระงับคำสั่งพิเศษของทรัมป์ที่ออกเมื่อวันที่ 6 มีนาคมโดยสิ้นเชิง โดยรับวินิจฉัยการยื่นอุทธรณ์ของรัฐบาลในการพิจารณาครั้งต่อไป
ทั้งนี้ ศาลสูงสุดจะเริ่มทำการไต่สวนกรณีดังกล่าวในเดือนตุลาคม ซึ่งในระหว่างนี้ศาลจะอนุญาตให้มีการบังคับใช้คำสั่งห้ามดังกล่าวในบางส่วน ระหว่างที่การพิจารณาคดีกำลังดำเนินไป
คณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดอนุมติคำร้องขอฉุกเฉินบางส่วนของรัฐบาล ที่ขอให้คำสั่งมีผลบังคับใช้ทันทีระหว่างการต่อสู้ทางกฎหมาย แต่ศาลบอกว่าคำสั่งแบนจะมีผลบังคับใช้เฉพาะกับชาวต่างชาติที่ไม่มีความสัมพันธ์อย่างแท้จริงกับบุคคลหรือองค์กรใดๆ ในสหรัฐฯ
ศาลบอกด้วยว่าจะอนุญาตให้บังคับใช้คำสั่งห้ามผู้ลี้ภัยทั้งหมดเดินทางเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 120 วัน เปิดทางให้รัฐบาลคัดผู้ขอลี้ภัยที่ไม่มีความสัมพันธ์กับบุคคลหรือองค์กรสหรัฐฯ อย่างแท้จริง ออกจากอเมริกา
เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ ลงนามคำสั่งแบนพลเมืองจากประเทศมุสลิมฉบับใหม่ แบนนักเดินทางจาก 6 ชาติมุสลิม ประกอบด้วย ลิเบีย, อิหร่าน, โซมาเลีย, ซูดาน, ซีเรีย และเยเมน เดินทางเข้าสหรัฐฯเป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยทั้งหมดเดินทางเข้าประเทศเป็นเวลา 120 วัน เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลใช้กระบวนการขัดกรองต่างๆ เข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ตาม มันถูกขัดขวางจากศาลชัั้นต้นสหรัฐฯในหลายพื้นที่ ก่อนจะมีผลบังคับใช้ตามแผนในวันที่ 16 มีนาคม
การออกคำสั่งของทรัมป์มีขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อเหตุโจมตีก่อการร้ายจากฝีมือของพวกนักรบอิสลามิสต์ อย่างเช่นในปารีส, ลอนดอน, บรัสเซลส์, เบอร์ลิน และเมืองอื่นๆ แต่ฝ่ายเห็นต่างวิจารณ์มันว่าเป็นคำสั่งใจทราม ใจแคบและไม่เป็นอเมริกัน
รัฐฮาวายและกลุ่มโจทก์ในแมรีแลนด์ ซึ่งมีสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกันเป็นตัวแทน อ้างว่าคำสั่งดังกล่าวละเมิดกฎหมายคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลางและรัฐธรรมนูญที่ห้ามรัฐบาลเลือกปฏิบัติกับศาสนาใดกับศาสนาหนึ่ง ทั้งนี้ศาลอุทธณ์ภาคในเวอร์จิเนียและแคลิฟอร์เนียต่างพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในการห้ามคำสั่งดังกล่าว
ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ มีคำวินิจฉัยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ได้ใช้อำนาจเกินกว่าที่ได้รับมอบหมายจากสภาคองเกรส และคำสั่งของปธน.ทรัมป์ได้ละเมิดบทบัญญัติที่ได้ห้ามการกีดกันทางด้านเชื้อชาติ ขณะที่ ปธน.ทรัมป์จะต้องดำเนินการตามกระบวนการเฉพาะในการกำหนดจำนวนผู้ลี้ภัยที่จะเข้าสู่สหรัฐฯ ในแต่ละปี