เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - กระทรวงกลาโหมรัสเซีย MOD แถลงล่าสุด เรือรบฟริเกต แอดมิรัล เอสเซน (Admiral Essen) และเรือดำน้ำครานสโนดาร์ (Krasnodar) ยิงมิสไซล์คาร์ลิบร์ (Kalibr) คู่ต่อสู้จรวดโทมาฮอว์กจำนวน 4 ลูก ใส่เป้าหมายยานยนต์ต่อสู้ก่อการร้าย IS นอกเมืองพัลไมรา (Palmyra) สามารถทำลายอาวุธหนักและสมาชิกก่อการร้าย CNN อ้างเป็นข้อพิสูจน์ เครมลินใช้ซีเรียทดสอบอาวุธและรับออเดอร์
RT สื่อรัสเซีย รายงานวันนี้ (31 พ.ค.) ว่า ในแถลงการณ์กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกมาวันนี้ (31) ระบุว่า มิสไซล์คาร์ลิบร์ (Kalibr)ทั้ง 4 ลูก ที่ถูกยิงออกมาทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป้าหมายเพื่อทำลายยานยนต์ต่อสู้ก่อการร้าย IS นอกเมืองพัลไมรา (Palmyra) พบผลสำเร็จ 100% สามารถทำลายทั้งอาวุธหนักและสมาชิกก่อการร้ายได้ตามเป้า
แต่อย่างไรก็ตาม แมทธิว แชนซ์ (Matthew Chance) นักข่าวของ CNN ได้กล่าวถึงความสำคัญของซีเรียต่อรัฐบาลรัสเซียว่า ซีเรียถูกใช้เป็นสนามทดสอบอาวุธใหม่ที่ถูกพัฒนา และรวมไปถึงการรับออเดอร์สำหรับคำสั่งซื้อหลังจากนั้น โดยชี้ให้เห็นถึง ยุทธวิธีของเครมลินที่ ไม่เปิดการโจมตีบ่อยครั้ง
“ซีเรียถือเป็นเวทีทางการทหารที่สำคัญ รัสเซียกำลังใช้เพื่อทดสอบการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารที่ถูกพัฒนาใหม่ในสมรภูมิการรบซีเรีย โดยรัสเซียใช้ซีเรียเป็นสถานที่ทดสอบ และหลังจากนั้นรับใบออเดอร์คำสั่งซื้อจากลูกค้าคนสำคัญ รัฐบาลรัสเซียเป็นหนึ่งนักส่งออกอาวุธรายใหญ่ที่สุดในโลก” แชนซ์ให้ความเห็น
และนักข่าวสหรัฐฯ เสริมต่อว่า การโจมตีเลือกเฉพาะในจุดสำคัญ แสดงให้เห็นว่ารัสเซียไม่โจมตีกลุ่มก่อการร้าย IS มากนัก แต่ทว่า เลือกที่จะโจมตีฝ่ายตรงกันข้ามของรัฐบาลซีเรียแทน
และสำหรับจรวดมิสไซล์คาร์ลิบร์ของรัสเซียนี้ ถือเป็นการพัฒนาใหม่ทางด้านอาวุธของเครมลิน ที่มีความสามารถเทียบเท่ากับจรวดโทมาฮอว์กของสหรัฐฯ แต่มีสนนราคาแค่เสี้ยวเดียว CNN รายงาน
ด้านดิอินดีเพนเดนต์ สื่ออังกฤษรายงาน โดยให้ความเห็นว่า ไม่พบจากแถลงการณ์ของทางรัสเซียให้ข้อมูลระบุว่า เหตุการณ์โจมตีด้วยมิสไซล์คาร์ลิบร์นี้เกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งสื่ออังกฤษยังได้วิจารณ์เลยไปถึงแถลงการณ์ผลสำเร็จจากการโจมตี โดยระบุว่า แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและศักยภาพของเรือรบรัสเซียในพื้นที่
ในแถลงการณ์ กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า มิสไซล์ทั้ง 4 ลูกที่ถูกยิงออกจากทั้งระดับใต้น้ำโดยเรือดำน้ำครานสโนดาร์( Krasnodar) และเหนือน้ำออกจากเรือรบฟริเกต แอดมิรัล เอสเซน (Admiral Essen)
“(เรือรบ) ตั้งเป้าโจมตีบริเวณตะวันออกของเมืองพัลไมรา ที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาวุธหนักและขุมกำลังพลของกลุ่มติดอาวุธ หลังจากที่เคลื่อนออกมาจากเมืองรักกา เป้าทั้งหมดที่วางไว้ถูกทำลาย” รายงานจากแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย MOD
สื่อรัสเซียรายงานต่อว่า และในแถลงการณ์ยังกล่าวไปถึง “การเตือนล่วงหน้าอย่างเหมาะสม” ให้กับชาติพันธมิตรสหรัฐฯ และสหรัฐฯรับทราบล่วงหน้า โดยชี้ว่า สหรัฐฯ อิสราเอล และตุรกีได้รับการเตือนล่วงหน้าผ่านสายด่วนก่อนมิสไซล์จะเริ่มถูกยิง
แต่ในการรายงานของสื่อสหรัฐฯ แมทธิว แชนซ์จาก CNN ระบุว่า โดยเขาชี้ว่า ในแถลงการณ์กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้กล่าวถึง “การแจ้งเตือนเมื่อเวลาที่เหมาะสม”
“(สหรัฐฯ ตุรกี และอิสราเอล) ประเทศทั้งหมด นั้นอยู่ในสถานะเดียวกันคือมีเป้าหมายเพื่อโจมตีก่อการร้าย IS และดังนั้นประเทศเหล่านั้นร่วมมือด้วยในบางระดับ” แชนซ์กล่าว และว่า “ทุกฝ่ายต่างติดต่อช่องทางตรงซึ่งกันและกัน และพยายามร่วมมือในการโจมตีต่อก่อการร้าย IS และเป้าหมายอื่น”
RT รายงานว่า อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมรัสเซียถือเป็นสิ่งที่ ในการให้ความสำคัญในการร่วมมือกับชาติที่มีปฏิบัติทางทหารในพื้นที่ โดยพบว่า ก่อนหน้านี้รัสเซียได้เคยใช้ช่องทางการสื่อสารกับอิหร่านและอิรักมาแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่จะเริ่มยิงมิสไซล์โจมตีเป้าหมายข้าศึกก่อการร้าย โดยเป็นการยิงมิสไซล์ “ข้ามผ่านน่านฟ้าประเทศทั้งสอง” เพื่อเข้าเป้าหมายที่ตั้งทางการทหารกลุ่มติดอาวุธในซีเรีย
โดยสื่อรัสเซียชี้ว่า เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2015 เป็นการยิงมิสไซล์ไปถึง 26 ลูก ออกจากทะเลแคสเปียนโดยเรือรบรัสเซียจำนวน 4 ลำ สำหรับ 11 เป้าหมายทาลาย ในระยะพิสัยไกล 1,500 กม.
ทั้งนี้ สื่อรัสเซียรายงานในตอนท้ายว่า ทางกระทรวง MOD ของรัสเซียยืนยันว่า ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำงานร่วมมือกับอิหร่านและอิรัก เพื่อวางแผนเส้นทางการบินของจรวดมิสไซล์ เพื่อทำให้มั่นใจว่า เส้นทางขีปนาวุธนั้นจะอยู่ในโคออร์ดิเนตในที่ห่างไกล และเป็นอันตายต่อชีวิตพลเรือน
สำหรับขีปนาวุธคาร์ลิบร์ พบว่าเคยถูกใช้มาแล้วในปีที่ผ่านมา โดยเป็นการยิงออกมาจากหน่วยกองเรือทะเลดำของกองทัพรัสเซีย เพื่อโจมตีที่ตั้งทางทหารกลุ่มก่อการร้ายอัล-นุสรา ฟรอนต์ (Al-Nusra Front) ในซีเรีย ซึ่งในขณะนั้นเป็นการยิงขีปนาวุธคาร์ลิบร์ 3 ลูก อ้างอิงจากข้อมูลของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย
