รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - การสู้รบระหว่างกองทัพฟิลิปปินส์ กับกลุ่มกบฏมุสลิมที่สวามิภักดิ์ต่อ “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ในเมืองมาราวี บนเกาะมินดาเนา โดยที่มีนักรบต่างชาติจำนวนหนึ่งเข้าร่วมต่อสู้อยู่กับฝ่ายกบฎด้วยนั้น ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ ไอเอสกำลังใช้ภาคใต้ฟิลิปปินส์เป็นศูนย์กลางการก่อการร้ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่สถานการณ์ในเมืองนี้เองนั้น กองทัพฟิลิปปินส์แถลงเมื่อวันอังคาร (30 พ.ค.) ว่ายึดเมืองคืนได้เกือบหมดแล้ว และเรียกร้องให้สมาชิกกบฏยอมจำนน เวลาเดียวกันมีการแพร่คลิปบาทหลวงที่ถูกจับตัวเป็นตัวประกันพร้อมชาวคริสต์อีกกว่า 10 คน ขอให้มะนิลายุติปฏิบัติการทางทหารทันที
รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวกรองฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ในบรรดานักรบ 400-500 คนที่บุกยึดเมืองมาราวี ทางภาคใต้ของแดนตากาล็อกตั้งแต่วันอังคารที่แล้ว (23) นั้น มีถึง 40 คนที่เป็นนักรบต่างชาติ โดยนอกจากชาวอินโดนีเซีย และมาเลเซีย จำนวนหลายคนแล้ว ยังมีปากีสถานอย่างน้อย 1 คน ตลอดจนจากซาอุดีอาระเบีย, เชชเนีย, เยเมน, อินเดีย โมร็อกโก และตุรกี อย่างน้อยแห่งละ 1 คน
โรฮาน กุนารัตนา ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงจากสถาบันการระหว่างประเทศศึกษา เอส ราชารัตนัม ของสิงคโปร์ ระบุว่ากลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรักกำลังมีขนาดเล็กลง และพยายามกระจัดกระจายมาแตกกิ่งก้านสาขาในพื้นที่ต่างๆ ของเอเชียและตะวันออกกลางมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในพื้นที่ที่กลุ่มก่อการร้ายนี้ขยายตัวมากที่สุดคือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีฟิลิปปินส์เป็นศูนย์กลาง
ทั้งนี้ มินดาเนา เกาะใหญ่ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมเผชิญสภาพยุ่งเหยิงวุ่นวายมาหลายทศวรรษทั้งจากปัญหาอาชญากรรม การก่อความไม่สงบ และขบวนการแบ่งแยกดินแดน ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงเตือนพวกเจ้าหน้าที่มานานแล้วเช่นกันว่า ภาวะความยากจน การละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และพรมแดนที่ไม่เข้มงวดของมินดาเนา อาจทำให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นฐานก่อการของกลุ่มหัวรุนแรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักรบไอเอสที่ถูกผลักดันให้ถอยออกจากอิรักและซีเรีย
ถึงแม้ช่วงสองปีที่ผ่านมา ไอเอสและเครือข่ายที่ประกาศสวามิภักดิ์ต่อไอเอส ได้ออกมาอวดอ้างความรับผิดชอบในการโจมตีในหลายพื้นที่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายครั้ง แต่การสู้รบในมาราวีถือเป็นครั้งแรกที่มีการเผชิญหน้ากันอย่างยืดเยื้อระหว่างพวกนี้กับกองกำลังความมั่นคงของทางการ
สำหรับสถานการณ์การสู้รบที่เมืองนี้นั้น กองทัพฟิลิปปินส์ประกาศในวันอังคาร (30) ว่า ยึดเมืองมาราวีคืนได้เกือบทั้งหมดแล้ว และเรียกร้องให้กบฏมาอูเตที่ยังหลงเหลืออยู่ในมาราวียอมจำนน โดยในระหว่างนี้กองทัพยังคงระดมโจมตีที่มั่นของกบฏกลุ่มนี้ด้วยยานยนต์หุ้มเกราะ ตลอดจนยิงจรวดถล่มจากเฮลิคอปเตอร์
การปะทะในมาราวีเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันอังคารที่แล้วหลังจากกองทัพตากาล็อกล้มเหลวในการบุกจับ อิสนิลอน ฮาปิลอน ผู้นำกลุ่มอาบูไซยาฟที่ขึ้นชื่อเรื่องการลักพาตัวและตัดหัวตัวประกันตะวันตก
เกือบจะทันทีหลังจากนั้น อาบูเซยาฟและมาอูเตที่ต่างสวามิภักดิ์ต่อไอเอส ก็ได้ร่วมกันยึดหลายพื้นที่ในมาราวีและจับบาทหลวงคนหนึ่งตลอดจนชาวคริสต์อีกสิบกว่าคนเป็นตัวประกัน เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ตัดสินใจประกาศใช้กฎอัยการศึกในมินดาเนาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่แล้ว
กองทัพฟิลิปปินส์บอกว่า จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากการปะทะที่ยืดเยื้อนาน 8 วันกว่า 100 คน ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกกลุ่มกบฏ ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่หนีออกจากเมืองแล้ว แต่ก็ยังเหลือตกค้างอยู่หลายพันคน
ในวันอังคาร บาทหลวงเทเลสิโต ชิโต โซกานับ รองบิช็อปของเมืองมาราวี ที่ถูกจับเป็นตัวประกันได้เรียกร้องผ่านคลิปให้ดูเตอร์เตยุติปฏิบัติการทางทหารเพื่อรักษาชีวิตตัวประกัน ซึ่งยังรวมถึงชาวคริสต์อีกกว่า 10 คน
นายพลจัตวาเรสติตูโต พาดิลลา โฆษกกองทัพฟิลิปปินส์ เผยว่า กองทัพเห็นคลิปดังกล่าวแล้วและเชื่อว่า มาอูเตจะไม่ทำอันตรายบาทหลวง เนื่องจากยังต้องการใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองกับรัฐบาล
เมื่อปีที่แล้ว มีพวกนักรบจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไปร่วมรบกับไอเอสในซีเรียได้เผยแพร่คลิปเรียกร้องเพื่อนร่วมชาติเข้าร่วมขบวนการในฟิลิปปินส์ตอนใต้ หรือเปิดฉากโจมตีภายในประเทศของตนแทนการพยายามเดินทางไปซีเรีย
อาย็อบ ข่าน ไมดิน พิตเชย์ ผู้บัญชาการหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายในสังกัดสำนักงานตำรวจมาเลเซีย ระบุว่า มีชาวมาเลเซีย 4 คนเดินทางไปร่วมรบในมินดาเนา โดยหนึ่งในจำนวนนี้คือ มะหมูด อาหมัด อาจารย์มหาวิทยาลัยในมาเลเซียที่ประกาศว่า พร้อมเป็นผู้นำไอเอสในฟิลิปปินส์ตอนใต้ หากฮาปิลอนถูกสังหาร
กุนารัตนาระบุว่า อาหมัดมีบทบาทสำคัญในการสร้างเครือข่ายไอเอสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเสริมว่า นักรบ 8 คนใน 33 คนที่ถูกสังหารในช่วง 4 วันแรกของการต่อสู้ในมาราวีเป็นนักรบต่างชาติ ซึ่งบ่งชี้ว่า ผู้ก่อการร้ายต่างชาติกำลังสร้างกลุ่มนักรบไอเอสที่มีองค์ประกอบแปลกไปจากเดิมมาก และยังเป็นสัญญาณว่า ไอเอสกำลังหยั่งรากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ จากข่าวกรองที่รอยเตอร์ได้รับยังพบว่า เจ้าหน้าที่ในจาการ์ตาเชื่อว่า มีชาวอินโดนีเซีย 38 คนเดินทางไปยังภาคใต้ของฟิลิปปินส์เพื่อเข้าร่วมกับกลุ่มสมุนไอเอส และ 22 คนในจำนวนนี้ร่วมต่อสู้ในมาราวี
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายแดนอิเหนาที่ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่งเผยว่า ตัวเลขที่แท้จริงของนักรบอินโดนีเซียที่ร่วมต่อสู้ในมาราวีน่าจะมากกว่า 40 คน ขณะที่แหล่งข่าวในหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายอีกคนระบุว่า จาการ์ตาได้เพิ่มการตรวจตราชายแดนด้านเหนือสุดของกาลิมันตันและสุลาเวสี เพื่อสกัดผู้ที่ต้องการเดินทางทางทะเลไปร่วมรบในฟิลิปปินส์ และเพื่อป้องกันพวกที่หนีการโจมตีของกองทัพฟิลิปปินส์ออกจากมาราวี