เอเจนซีส์ - มือระเบิดฆ่าตัวตายกดคาร์บอมบ์ที่หน้าร้านไอศกรีมชื่อดังในกรุงแบกแดดของอิรัก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ความมั่นคงเผยวันนี้ (30 พ.ค.)
เหตุโจมตีซึ่งเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาที่ย่านคาร์ราดา (Karrada) ใจกลางกรุงแบกแดด ยังทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกเกือบ 30 คน ตามรายงานของสำนักข่าวอัลญาซีเราะห์
ล่าสุด กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้ออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบ โดยสำนักข่าวอามักซึ่งเป็นสื่อของไอเอสอ้างว่ามือระเบิดพุ่งเป้าโจมตี “สถานที่ชุมนุมของชาวชีอะห์”
ไอเอสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธสุหนี่หัวรุนแรงถือว่ามุสลิมชีอะห์ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของอิรักเป็นพวก “นอกศาสนา” และมักจะลงมือโจมตีคนเหล่านี้อยู่เสมอ
เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังเข้าสู่เดือนรอมฎอนซึ่งเป็นเดือนศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวมุสลิมจะต้องถือศีลอด โดยหลังจากละศีลอดในช่วงค่ำแล้ว ชาวอิรักมักจะออกไปจับจ่ายซื้อของ และพบปะสังสรรค์กันจนดึกดื่น
ภาพและคลิปวิดีโอที่แชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เผยให้เห็นอานุภาพทำลายล้างของระเบิดที่ถูกกดชนวนกลางร้านไอศกรีม “อัล-ฟัคมา” ทั้งถ้วยไอศกรีมที่หล่นกระจายบนพื้นซึ่งเต็มไปด้วยเลือด และเศษข้าวของที่ถูกแรงอัดของระเบิดจนกระเด็นข้ามถนน
เบร็ตต์ แม็กเกิร์ก ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ ว่าด้วยการจับขั้วพันธมิตรทั่วโลกเพื่อต่อต้านรัฐอิสลาม ได้ออกมาประณามการสังหารหมู่ครั้งนี้ และแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับชาวอิรัก
“ค่ำคืนนี้ผู้ก่อการร้าย ISIS พุ่งเป้าโจมตีเด็กๆ และครอบครัวซึ่งกำลังใช้ช่วงเวลาดีๆ ในร้านไอศกรีม เราขอยืนหยัดเคียงข้างอิรักเพื่อต่อต้านความชั่วร้ายเหล่านี้” แม็กเกิร์ก ทวีตข้อความ โดยใช้ชื่อย่ออีกแบบหนึ่งของกลุ่มไอเอส
นักรบไอเอสได้บุกยึดดินแดนทางภาคเหนือและตะวันตกของแบกแดดไว้ตั้งแต่ปี 2014 ทว่ากองกำลังอิรักซึ่งได้รับการสนับสนุนจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ก็สามารถทวงคืนพื้นที่ได้แล้วเป็นจำนวนมาก และกำลังต่อสู้กับพวกนักรบญิฮาดเพื่อทวงคืนเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอย่างโมซุล (Mosul)
อย่างไรก็ตาม ความพ่ายแพ้ในสนามรบไม่ได้ช่วยยับยั้งไอเอสจากการสังหารหมู่พลเรือนหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงเหตุระเบิดที่เขตคาร์ราดาในกรุงแบกแดดเมื่อปีที่แล้วที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 300 คน