เอเอฟพี - พายุรุนแรงซัดถล่มพื้นที่มอสโกในวันจันทร์ (29 พ.ค.) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย และบาดเจ็บหลายสิบคน ขณะที่กระแสลมคลุ้มคลั่งขุดรากถอนโคนต้นไม้หลายร้อยต้น
“พายุคร่าชีวิตประชาชน 11 ศพ และอีก 70 คนบาดเจ็บสาหัส” เซอร์เก ซอบยานิน นายกเทศนตรีมอสโกให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ และว่า “เหยื่อได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม”
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมามีรายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 2 คน ด้วยคณะกรรมการสืบสวนของภูมิภาคมอสโก ระบุว่าเหยื่อเป็นเด็กหญิงวัย 11 ปี และชายวัย 57 ปี โดยคนหนึ่งถูกต้นไม้หักโค่นลงมาทับ ส่วนอีกคนรั้วเหล็กปลิวมากระแทก
ก่อนหน้านี้คณะสืบสวนเผยว่า เหยื่อส่วนใหญ่เสียชีวิตเพราะถูกต้นไม้และสิ่งปลูกสร้างโค่นลงมาทับ ในนั้นรวมถึงป้ายรถเมล์ โดยคณะสืบสวนได้ลงพื้นที่เกิดเหตุและสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์
กรมสาธารณสุขท้องถิ่นเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า พวกผู้ได้รับบาดเจ็บแยกไปรักษาตัวตามสถานพยาบาลต่างๆ 10 แห่งในเมืองหลวง พร้อมเตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจสูงกว่านี้
ซอบยานิน แสดงความเสียใจถึงครอบครัวผู้เสียชีวิตและบอกว่าเหตุการณ์อันน่าสลดเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “จากข้อเท็จจริงที่ว่าพายุซัดถล่มตอนกลางวัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีเหยื่อมากมายขนาดนี้”
ก่อนหน้านี้ ซอบยานินระบุในทวิตเตอร์ว่า “ต้นไม้หลายร้อยต้นหักโค่น” พร้อมบอกว่า “เรากำลังใช้มาตรการที่จำเป็นจัดการกับผลกระทบ”
ศูนย์จัดการสถานการณ์ฉุกเฉินมอสโกส่งหน่วยต่างๆเข้าไปเคลื่อนย้ายต้นไม้ที่หักโค่น แต่ไม่มีรายงานความเสียหายทางกายภาพร้ายแรงใดๆ
อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศเลวร้ายเป็นเหตุให้เที่ยวบินต่างๆ ณ ท่าอากาศยานหลายแห่งในมอสโกต้องเดินทางล่าช้า ส่วนบริการรถไฟด่วยพิเศษไปยังสนามบินวนูโคโว ต้องระงับให้บริการ เปิดทางเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายต้นไม้ที่หักโค่นลงมาออกจากราง
โรมัน วิลฟันด์ ผู้อำนวยการหน่วยงานพยากรณ์อากาศของรัสเซีย เปิดเผยระหว่างเฮอริเคน สามารถวัดความเร็วสูงสุดได้ 22 เมตรต่อวินาที และคาดหมายว่ากรุงมอสโกจะถูกพายุซัดถล่มอีกลูกในคืนนี้