เอเจนซีส์ - เจมส์ แมตทิส (James Mattis) รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศเปลี่ยนนโยบายจัดการก่อการร้ายผ่านหน้าจอทีวีวันอาทิตย์ (28 พ.ค.) สหรัฐฯ เปลี่ยนมาใช้ยุทธวิธีปิดล้อมแล้วสังหาร หรือ “Annihilation tactic” แกัปัญหาก่อการร้ายจากแอฟริกาเหนือ และตะวันออกกลาง แฝงตัวเข้าโจมตียุโรปในรูปแบบโลนวูล์ฟ
เดอะฮิล สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ว่า ในการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการคุยการเมืองวันอาทิตย์ (28) สถานีโทรทัศน์ CBS รายการโฉมหน้าประเทศ หรือ FACE THE NATION ประกาศถึงการเปลี่ยนนโยบายทางการทหารครั้งสำคัญในการต่อต้านก่อการร้ายของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในสายเหยี่ยว โดยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เจมส์ แมตทิส (James Mattis) ประกาศว่า สหรัฐฯ จะยกระดับการต่อสู้ก่อการร้ายต่อกลุ่มก่อการร้าย IS ในอิรัก และซีเรีย จากแต่เดิมที่ใช้วิธีการรบในรูปแบบทำให้อ่อนแรงลง หรือที่เรียกว่า ยุทธวิธีแบบ “Attrition tactic” โดยการขับไล่จากจุดหนึ่งให้หนีออกไปยังจุดอื่นในอิรัก และซีเรีย
ซึ่งในการยกระดับใหม่ แมตทิสระบุว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปสหรัฐฯ จะใช้วิธีรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า ยุทธวิธีปิดล้อมแล้วสังหาร หรือที่เรียกว่า “Annihilation tactic” ที่จะเป็นการปิดล้อมข้าศึกไม่ให้คลื่อนที่ หรือหนีออกไปได้ และหลังจากนั้นทำให้ข้าศึกมีขนาดเล็กลง และต้องอยู่ภายในสมรภูมิการต่อสู้ที่เข้มข้นและยากลำบากมากขึ้นจนไม่สามารถสู้ได้
“ความตั้งใจของเราคือ ต้องทำให้นักรบญิฮาดต่างชาติไม่รอดหนีกลับออกไปยังประเทศบ้านเกิดในแอฟริกาเหนือ ยุโรป อเมริกา เอเชีย หรือ แอฟริกา ทางเราจะไม่ยอมให้คนเหล่านั้นทำเช่นนั้นได้ เราจะหยุดพวกเขาที่นั่น และทำลายระบบคอลีฟะห์” รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แมตทิสกล่าว
เดอะฮิลชี้ว่า ในการให้สัมภาษณ์ บอสใหญ่เพนตากอนเปิดเผยว่า เป้าหมายของสหรัฐฯคือ ***การป้องกันไม่ให้สมาชิกกลุ่ม IS จากการหลบหนีออกจากเขตอิทธิพลของกลุ่มก่อการร้ายในแอฟริกาเหนือ และตะวันออกกลาง เพื่อป้องกันการเโจมตีในอนาคตจากฝีมือผู้ปฏิบัติการคนเดียวที่เรียกว่า “โลนวูล์ฟ” ในยุโรป ***
ทั้งนี้ ในรายการโฉมหน้าประเทศ ผู้นำเพนตากอนระบุว่า ในปัจจุบันที่ทางสหรัฐฯ ใช้ยุทธวิธีทำให้อ่อนแรงนั้น สหรัฐฯ ได้แต่ขับไล่กลุ่มติดอาวุธออกจากที่ในการยึดครองเดิมให้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่เท่านั้น