xs
xsm
sm
md
lg

“ทรัมป์” โอ่ทริปอาหรับ-ยุโรปฉลุย งดแถลงข่าวเลี่ยงถูกซักกรณีรัสเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ - “ทรัมป์” ปิดฉากการเยือนต่างชาตินาน 9 วัน ด้วยการปราศรัยสไตล์หาเสียงกับกองกำลังอเมริกัน ซึ่งหลังพลิกตำรานโยบายต่างประเทศกลับตาลปัตรไปหมด ก็ได้เวลาขึ้นเครื่องกลับบ้านไปพบกับมรสุมการเมือง โดยเฉพาะกรณีการพัวพันกับรัสเซียที่ดูเหมือนยิ่งสาวยิ่งใกล้ตัว ถึงขั้นที่ประมุขทำเนียบขาวต้องงดการแถลงข่าวปิดทริปเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกนักข่าวซักถาม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำเอานโยบายต่างประเทศดั้งเดิมของอเมริการวนครั้งใหญ่ ด้วยการหันไปพะเน้าพะนอกับผู้นำตะวันออกกลางที่มีปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่กลับเรียกร้องพันธมิตรเก่าแก่ในยุโรปให้จ่ายงบป้องกันประเทศเพิ่ม

ในการประชุมสุดยอดผู้นำจี 7 ในเมืองทาออร์มินาบนเกาะซิซิลีของอิตาลี ทรัมป์ปฏิเสธคำขอของสมาชิกอีก 6 ชาติที่ต้องการให้สหรัฐฯ คงการสนับสนุนข้อตกลงแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยยืนกรานว่า ต้องการเวลาพิจารณานานกว่านี้

ที่โรงเก็บเครื่องบินของสถานีอากาศยานนาวีซิโกเนลลา บนเกาะซิซิลีเช่นเดียวกัน เมลาเนีย สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ กล่าวยกย่องว่า สามีทำงานหนักมากในทริปนี้ และเธอภูมิใจในตัวเขามาก แต่ก่อนหน้านั้นสื่อจับภาพได้ว่า เมลาเนียบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ทรัมป์จับมือถึงสองครั้ง

ทรัมป์ใช้ทริปนี้โปรโมตนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ด้วยการส่งเสริมการขายอาวุธมูลค่า 110,000 ล้านดอลลาร์ให้ซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งบอกพันธมิตรจี 7 ว่าอเมริกาต้องการยกระดับการแข่งขันทางการค้า

ภาษากายของประมุขทำเนียบขาวยังส่อถึงพฤติกรรมความหุนหันพลันแล่น ทั้งการแสดงออกทางสีหน้าท่าทางที่มากเกินพอดี ระหว่างเรียกร้องให้พันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เพิ่มการสมทบงบประมาณในการป้องกันตนเอง และปฏิเสธที่จะประกาศอย่างชัดแจ้งว่าอเมริกาสนับสนุนมาตรา 5 ของกฎบัตรนาโตที่กำหนดให้สมาชิกแต่ละชาติปกป้องกันและกัน นอกจากนี้ ภาพทรัมป์ผลักนายกรัฐมนตรีมอนเตเนโกรให้พ้นทาง ยังกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ขึ้นหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ทั่วยุโรป

ทรัมป์ระบุที่ฐานทัพซิโกเนลลาด้วยว่า การขอร้องให้พันธมิตรนาโตสมทบทุนเพิ่มเริ่มเห็นผล “เงินเริ่มไหลเข้ามา ซึ่งถือว่ายุติธรรมสำหรับอเมริกา เราด้อยกว่านาโตในทุกทาง แต่เราต้องการได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม”

ทรัมป์ยังประกาศภายหลังการประชุมสุดยอดแบบปิดลับนาน 2 วัน ว่าทริปนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี โดยอวดอ้างว่าตนเองช่วยให้นานาชาติร่วมมือร่วมใจกันมากขึ้นในการต่อสู้กับกลุ่มอิสลามิสต์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่ได้รับการตอกย้ำจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในเมืองแมนเชสเตอร์ของอังกฤษและการสังหารชาวคริสต์นิกายออปติกในอียิปต์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนวันเสาร์ (27 พ.ค.) ผู้นำสหรัฐฯ งดเว้นการแถลงข่าวปิดฉากการเยือนที่เป็นประเพณีปฏิบัติดั้งเดิม เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกซักไซ้เกี่ยวกับปัญหามากมายที่รออยู่ที่วอชิงตัน

เริ่มจากกรณีการปลด เจมส์ โคมีย์ จากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) เมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา ที่ทำให้เกิดข้อสงสัยกันว่า ทรัมป์พยายามขัดขวางการสอบสวนหาความเกี่ยวข้องระหว่างทีมหาเสียงของตัวเองกับรัสเซีย ซึ่งหน่วยงานด้านข่าวกรองของอเมริกาสรุปว่า แทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเพื่อสนับสนุนให้ทรัมป์ได้เข้าสู่ทำเนียบขาว

นอกจากนี้ เมื่อวันศุกร์ (26 พ.ค.) ยังมีการเปิดประเด็นใหม่เอี่ยมว่า จาเร็ด คุชเนอร์ สามีของอิวองกา ลูกสาวของทรัมป์ และนั่งตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดี ได้ติดต่อกับรัสเซียในเดือนธันวาคมเกี่ยวกับการเปิดช่องทางการติดต่อลับกับมอสโก


กำลังโหลดความคิดเห็น