เอเจนซีส์ - อังกฤษฉุนขาดและหยุดแลกเปลี่ยนแบ่งปันข้อมูลกับฝ่ายสหรัฐฯ หลังสื่อมะกันแพร่ภาพหลักฐานระเบิดที่ใช้โจมตีแมนเชสเตอร์ อารีนา ด้านนายกฯ เมย์ เตรียมขอคำอธิบายจากทรัมป์ระหว่างซัมมิตนาโต ขณะที่ตำรวจเมืองผู้ดีเร่งแกะรอยเครือข่ายนักรบญิฮาดที่คาดว่าร่วมขบวนการโจมตีครั้งนี้ โดยล่าสุดสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 2 ราย และยังมีรายงานว่า พ่อและน้องชายมือระเบิดก็ถูกจับกุมในลิเบีย
สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (25 พ.ค.) ว่ารัฐบาลอังกฤษกำลังหัวเสียกับการที่สื่ออเมริกันปล่อยรายละเอียดการสอบสวนเหตุระเบิดฆ่าตัวตายหลังจบคอนเสิร์ตของอเรียนา แกรนเด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (22) ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 22 คน ในจำนวนนี้รวมถึงเด็กหญิงวัย 8 ปีคนหนึ่ง โดยที่บีบีซีนิวส์ระบุว่า ทางฝ่ายอังกฤษถึงขั้นยุติการแลกเปลี่ยนแบ่งปันข้อมูลในเรื่องนี้แล้ว
ทางด้าน แอมเบอร์ รัดด์ รัฐมนตรีมหาดไทยของอังกฤษ ใช้คำว่า “น่าโมโห” กับเรื่องที่สื่ออเมริกันเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมือระเบิด ซึ่งรวมถึงชื่อคือ ซาลมาน อาเบดี เมื่อวันอังคาร (23) อย่างไรก็ตาม หลังจากอังกฤษได้กำชับอย่างชัดเจนกับบรรดาชาติพันธมิตรว่า “เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก” หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ในวันพฤหัสบดี (25) ก็กลับลงภาพที่เกิดเหตุหน้าสนามกีฬาในร่ม แมนเชสเตอร์ อารีนา อย่างละเอียด ซึ่งรวมถึงซากกระเป๋าที่อาเบดีใช้ และตัวจุดระเบิด
หน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติของอังกฤษประณามการเผยแพร่หลักฐานเหล่านี้ในขณะที่การสอบสวนยังดำเนินอยู่ และว่าการกระทำนี้ละเมิดความไว้วางใจและบ่อนทำลายความพยายามในการสอบสวน และแหล่งข่าวในรัฐบาลอังกฤษผู้หนึ่งเชื่อว่า ภาพหลักฐานดังกล่าวน่าจะหลุดมาจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของอเมริกามากกว่าทำเนียบขาว
รายงานระบุว่า นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ จะขอคำอธิบายเรื่องนี้จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ระหว่างการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่บรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (24)
ทั้งนี้ ก่อนเดินทางไปบรัสเซลส์ เมย์ได้เรียกประชุมคณะกรรมการฉุกเฉิน และอังกฤษยังประกาศไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตในแมนเชสเตอร์ทั่วประเทศ 1 นาที ในเวลา 11.00 น. วันพฤหัสบดี (17.00 น.ตามเวลาไทย)
หลังการประชุมผู้นำนาโต เมย์มีกำหนดเดินทางต่อไปอิตาลีเพื่อร่วมประชุมซัมมิตจี 7 แต่จะเดินทางกลับในค่ำวันศุกร์ (26) ก่อนการประชุมสิ้นสุด
ในวันพฤหัสบดี สำนักงานตำรวจภาคเกรทเตอร์ แมนเชสเตอร์ยังเปิดเผยว่า จับกุมผู้ต้องสงสัยชายได้อีก 2 คน รวมแล้วมีผู้ถูกควบคุมตัวทั้งสิ้น 8 คน โดยหนึ่งในนั้นจับกุมได้จากการบุกค้นในวิทธิงตัน ขณะที่คนอื่นๆ จับได้ในแมนเชสเตอร์ ส่วนผู้หญิงคนหนึ่งที่จับกุมเมื่อวันพุธที่แบล็กลีย์ ได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ
สื่ออังกฤษและอเมริกายังรายงานว่า ผู้ต้องสงสัยรายแรกที่จับได้เมื่อวันอังคาร (23) คือพี่ชายของอาเบดี
หนังสือพิมพ์อินดิเพนเดนซ์รายงานว่า การตรวจค้นในบริเวณตอนกลางและทางเหนือของอังกฤษ พบระเบิดในสถานที่หนึ่ง และตำรวจกำลังตามล่าผู้ที่อาจช่วยอาเบดีทำระเบิด เนื่องจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ว่า มีการบรรจุเศษกระสุนในระเบิดอย่างรอบคอบ ซับซ้อน และเป็นระเบิดที่มีอำนาจทำลายล้างสูงเกินกว่าที่อาเบดีจะทำเองได้ เจ้าหน้าที่ยังกังวลว่ากลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิดอาจพร้อมโจมตีซ้ำ
เอียน ฮอปกินส์ ผู้บัญชาการตำรวจภาคเกรทเตอร์ แมนเชสเตอร์ กล่าวว่า ขณะนี้ชัดเจนอย่างยิ่งว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นทำกันเป็นขบวนการ ไม่ใช่อาเบดีลงมือคนเดียว
ทั้งนี้ อังกฤษยกระดับการเตือนภัยก่อการร้ายเป็นระดับสูงสุดเมื่อค่ำวันอังคาร ซึ่งหมายถึงการคาดหมายว่า อาจจะมีการโจมตีเกิดขึ้นได้อีกในไม่ช้า
รัดด์สำทับว่า อาจมีการส่งทหาร 3,800 คนตรวจตราความปลอดภัยบนถนน เพื่อให้ตำรวจทุ่มเทกับการลาดตระเวนและสอบสวนคดีก่อการร้ายนี้ โดยขณะนี้ ทหาร 984 คนถูกส่งไปประจำในลอนดอนและเมืองอื่นๆ แล้ว
การระเบิดฆ่าตัวตายของอาเบดี วัย 22 ปีที่เกิดในเมืองแมนเชสเตอร์และมีพ่อแม่เป็นชาวลิเบียนั้น เป็นการโจมตีนองเลือดครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นทั่วยุโรปและกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) อ้างความรับผิดชอบ นอกจากนี้ยังเกิดขึ้นขณะที่อังกฤษกำลังจะมีการเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 8 เดือนหน้า
สำนักงานตำรวจเกรทเตอร์ แมนเชสเตอร์ แสดงความมั่นใจว่าสามารถระบุชื่อผู้เสียชีวิตทั้งหมดในเหตุโจมตีครั้งนี้และติดต่อครอบครัวของคนเหล่านั้นแล้ว โดยจะมีการเปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการภายหลังการชันสูตรซึ่งใช้เวลา 4-5 วัน
เหตุการณ์นี้ยังทำให้มีผู้บาดเจ็บ 64 คน โดย 20 รายในจำนวนนี้ต้องรับการดูแลขั้นวิกฤต
ขณะเดียวกัน โฆษกของกองกำลังป้องปราม กองกำลังตำรวจของรัฐบาลแห่งชาติของลิเบีย แถลงว่า ได้จับกุมพ่อและน้องชายของอาเบดี พร้อมระบุว่า ฮาเชม น้องชายของมือระเบิดผู้นี้รับรู้แผนการโจมตีในแมนเชสเตอร์ โดยทั้งคู่เป็นสมาชิกไอเอส
ฮาเชมนั้นถูกจับตามานานหนึ่งเดือนครึ่ง และทีมสอบสวนของลิเบียมีข้อมูลว่าเขากำลังวางแผนก่อการร้ายในกรุงตริโปลี
ก่อนหน้านี้ รัดด์ระบุว่าอาเบดีเพิ่งกลับจากลิเบีย และเฌราร์ กอลลอมบ์ รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส เผยว่า มือระเบิดผู้นี้เกี่ยวข้องกับไอเอสและอาจเคยไปซีเรียหลังจากเดินทางไปลิเบีย