เอเอฟพี - เกิดเหตุต้องสงสัยว่าเป็นระเบิดฆ่าตัวตายถล่มสถานีขนส่งที่พลุกพล่านแห่งหนึ่งในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซียในวันพุธ (24 พ.ค.) คร่าชีวิตตำรวจ 3 นาย เหตุโจมตีล่าสุดในประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่แห่งนี้
นอกจากนายตำรวจที่เสียชีวิตข้างต้นแล้ว ยังมีตำรวจและพลเมืองอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่สถานีรถบัสทางตะวันออกของเมือง เมื่อมือระเบิดฆ่าตัวตาย 2 คนโจมตีบนถนนที่อยู่ติดกับสถานี ก่อความแตกตื่นกับประชาชนที่พากันวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดและส่งกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ แต่อินโดนีเซีย อยู่ในการเฝ้าระวังขั้นสูง ตามหลังเหตุโจมตีเมื่อไม่นานมานี้จากฝีมือพวกนักรบที่ได้รับบันดาลใจจากกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)
“มันเป็นระเบิด สำหรับตอนนี้เราสงสัยว่ามันเป็นระเบิดฆ่าตัวตาย” ซัยฟรุดดี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซียให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ทีวีวัน
เขาบอกต่อว่า “มือระเบิดเสียชีวิตพร้อมกับตำรวจ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้นกำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยแก่ประชาชนในพื้นที่”
สถานีกัมปัง เมลายู เป็นศูนย์กลางการขนส่งท้องถิ่น รองรับทั้งรถมินิบัสและรถบัส โดยตั้งอยู่ในเขตชนชั้นแรงงานของเมือง และไม่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยว
ตอนแรกตำรวจและผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าพวกเขาได้ยินเสียงระเบิด 2 ครั้งระหว่างการโจมตี “ทีแรกฉันเห็นควันและเศษกระจกกระจัดกระจาย แผ่นดินสั่นสะเทือน ฉันช็อคมาก หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็เกิดระเบิดอีกครั้ง” ผู้หญิงรายหนึ่งซึ่งอยู่ ณ สถานีเปิดเผยกับเอเอฟพี
สุลต่าน มูฮัมหมัด ฟีร์ดาอุส ผู้เห็นเหตุการณ์อีกคนเปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์คอมปัสว่าเขาได้ยินเสียงระเบิด 2 ครั้งเช่นกัน “ผมอยู่บนสะพานลอย และได้ยินเสียงระเบิดลูกแรก มันมีความห่างระหว่างระเบิด 2 ลูกราว 10 นาที ระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว”
แอนดี วิโบโว ผู้บัญชาการตำรวจจาการ์ตาตะวันออกระบุว่าจากความเสียหายบริเวณสถานีขนส่ง บ่งชี้ว่าเป็นการระเบิดขนานใหญ่
อินโดนีเซีย ประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก ต้องต้องสู้กับพวกนักรบอิสลามิกมาช้านาน และพวกหัวรุนแรงจากชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ไหลบ่าไปสู้รบกับไอเอส กระพือความกังวลว่าพวกเขาเหล่านี้อาจกลับก่อความรุนแรงในมาตุภูมิ
เหตุมือปืนและมือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีกรุงจาการ์ตาเมื่อเดือนมกราคมปีก่อน ซึ่งคร่าชีวิตนักรบ 4 รายและพลเรือน 8 ราย ถือเป็นเหตุโจมตีแรกที่อ้างความรับผิดชอบโดยกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะเดียวกัน อินโดนีเซียก็เผชิญเหตุโจมตีจากฝีมือของพวกนักรบอิสลามิสต์ครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงเหตุระเบิดบนเกาะบาหลีเมื่อปี 2002 คร่าชีวิต 202 ศพ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ปฏิบัติการปราบปรามอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ทำให้เครือข่ายอันตรายต่างๆอ่อนแอลง แต่การปรากฏตัวของไอเอส กลายเป็นความหวังใหม่ของพวกหัวรุนแรง