รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - มือระเบิดฆ่าตัวตายก่อเหตุโจมตีกลางงานแสดงคอนเสิร์ตในเมืองแมนเชสเตอร์ ของนักร้องสาวอเมริกัน อเรียนา แกรนเด ที่มีผู้เข้าชมแน่นขนัด สังหารผลาญชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 22 ราย และบาดเจ็บอีก 59 ราย โดยที่นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของสหราชอาณาจักรระบุในวันอังคาร (23 พ.ค.) ว่าเป็นการกระทำอย่างเหี้ยมโหดอำมหิตที่พุ่งเป้าเล่นงานเด็กๆ และคนหนุ่มสาว อีกทั้งจงใจเลือกเวลาและสถานที่ซึ่งทำให้เกิดการนองเลือดร้ายแรงที่สุด ทางด้านกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ออกมาประกาศว่า “ทหารคนหนึ่ง” ของตนคือผู้กระทำการคราวนี้ ทว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังไม่เชื่อถือ
นายกรัฐมนตรีเมย์แถลงว่า ตำรวจเชื่อว่าสามารถระบุตัวมือระเบิดที่เป็นชายรายนี้ซึ่งเสียชีวิตในระหว่างก่อเหตุบึ้มตอนที่คอนเสิร์ตกำลังจบลงและผู้ชมเริ่มทยอยเดินออกมาจากแมนเชสเตอร์ อารีนา สนามกีฬาในร่มซึ่งใช้เป็นสถานที่แสดง เมื่อตอนดึกของคืนวันจันทร์ (22) และคิดว่าคนร้ายน่าจะกระทำการครั้งนี้เพียงคนเดียว อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมาตำรวจได้จับกุมชายอายุ 23 ปีผู้หนึ่งในตอนเช้าวันอังคาร (23) โดยเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีครั้งนี้
“ผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุคนเดียว ได้จุดอุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่องของเขาตรงบริเวณใกล้ๆ ทางออกทางหนึ่งของสถานที่ (แสดงคอนเสิร์ต) โดยจงใจเลือกเวลาและสถานที่ซึ่งจะทำให้เกิดการนองเลือดสูงสุด และเพื่อสร้างความบาดเจ็บล้มตายให้แก่ผู้คนอย่างไม่เลือกหน้า” เมย์กล่าวในคำแถลงที่เธออ่านจากด้านนอกของทำเนียบนายกรัฐมนตรี ณ ถนนดาวนิ่ง ภายหลังเรียกประชุมรัฐมนตรีฉุกเฉิน
“พฤติการณ์ก่อการร้ายทุกๆ อย่างล้วนเป็นความขี้ขลาดตาขาว ... แต่การโจมตีครั้งนี้โดดเด่นเป็นพิเศษในเรื่องความขี้ขลาดตาขาวอย่างชวนคลื่นเหียนอาเจียนแสนสยดสยอง ด้วยการจงใจพุ่งเป้าเล่นงานเด็กๆ และคนหนุ่มสาวผู้บริสุทธิ์และปราศจากการป้องกัน ผู้ซึ่งควรจะได้ชื่นชมยินดีกับหนึ่งในคืนที่น่าจดจำที่สุดคืนหนึ่งแห่งชีวิตของพวกเขา” เมย์ระบุในคำแถลง ซึ่งอิงอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าฐานแฟนๆ ของนักร้องสาว อเรียนา แกรนเด นั้นจำนวนมากเป็นเด็กสาววัยรุ่นและเด็กหญิงก่อนวัยรุ่น
“ความพยายามที่มุ่งจะทำให้พวกเราแตกแยกกัน ต้องพบกับความประพฤติด้วยความเมตตากรุณานับครั้งไม่ถ้วนซึ่งนำเอาประชาชนเข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้น”
สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ ก็ทรงออกคำแถลงประณามเหตุโจมตีคราวนี้ โดยทรงระบุว่าเป็น “พฤติการณ์ของความป่าเถื่อน”
ทางด้านกลุ่มไอเอสได้ออกคำแถลงเผยแพร่ทางสื่อสังคมในวันอังคาร (23) อ้างความรับผิดชอบเป็นผู้ก่อเหตุคราวนี้ โดยระบุว่า “หนึ่งในทหารของรัฐกาหลิบ (ของไอเอส) สามารถที่จะวางอุปกรณ์ระเบิดเอาไว้ภายในสถานที่ชุมนุมของพวกนักรบไม้กางเขนในนครแมนเชสเตอร์” พร้อมกับข่มขู่ว่าจะทำการโจมตีเพิ่มมากขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังไม่ค่อยเชื่อถือ เนื่องจากไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งบอกว่าไอเอสเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้ รวมทั้งไอเอสได้โพสต์อ้างความรับผิดชอบผ่านแอ็กเคานต์ของตน 2 แอ็กเคานต์ ปรากฏว่าข้อความรายละเอียดขัดกันเอง รวมทั้งขัดกับการเปิดเผยของตำรวจ
ทั้งนี้ ตำรวจแมนเชสเตอร์กล่าวว่าเป็นการโจมตีของมือระเบิดฆ่าตัวตาย ขณะที่ไอเอสระบุในแอ็กเคานต์ “เทเลแกรม” ของตนว่า ทหารคนหนึ่งของตนเข้าไปวางระเบิดในที่ชุมนุม และบอกในอีกแอ็กเคานต์หนึ่งคือ “อามัก” ว่า “กลุ่มผู้โจมตี” ของตนกลุ่มหนึ่งเป็นผู้ก่อเหตุคราวนี้ โดยที่การอ้างอิงอันหลังนี้ได้ถูกลบออกในเวลาต่อมา
แมนเชสเตอร์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเขตปกครองอังกฤษ ของสหราชอาณาจักร ยังคงอยู่ในภาวะระวังภัยอย่างสูง ผู้เห็นเหตุการณ์หลายรายบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ในวันอังคาร (23) ว่า ได้ยินเสียง “ปังดังมาก” ในศูนย์การค้าอาร์นเดล ของเมืองแมนเชสเตอร์ และเห็นผู้คนวิ่งออกจากอาคาร ในเวลาต่อมาตำรวจแถลงว่ากำลังจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างในศูนย์การค้าแห่งนั้น โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการระเบิดที่แมนเชสเตอร์ อารีนา ผู้เห็นเหตุการณ์แจ้งรอยเตอร์ว่า หลังปิดไปไม่นาน ศูนย์การค้าแห่งนี้ก็เปิดทำการใหม่แล้ว
ส่วน ซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน แถลงว่า มีคำสั่งเพิ่มกำลังตำรวจออกตรวจตราตามถนนสายต่างๆ ของเมืองหลวงสหราชอาณาจักรแห่งนี้แล้ว
เหตุโจมตีเมื่อเวลาราว 22.33 น.คืนวันจันทร์ (22) ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 04.33 น.วันอังคารที่ 23 ตามเวลาเมืองไทย) ถือเป็นครั้งนองเลือดที่สุดในสหราชอาณาจักร หลังจากที่มีชาวมุสลิมสัญชาติสหราชอาณาจักร 4 คนใช้ระเบิดฆ่าตัวตายก่อเหตุในขบวนรถไฟใต้ดินและรถประจำทางของกรุงลอนดอนเมื่อปี 2005 สังหารผู้คนไป 52 คน
ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ที่แมนเชสเตอร์คราวนี้ เมื่อประมวลเข้ากับเหตุโจมตีเร็วๆ นี้ซึ่งเกิดขึ้นทั้งที่ปารีส, นีซ, บรัสเซลส์, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, เบอร์ลิน และลอนดอน ก็ดูจะยิ่งสร้างความตระหนกหวั่นไหวให้ชาวยุโรป ซึ่งมีความกังวลใจอยู่แล้วในเรื่องปัญหาท้าทายด้านความมั่นคง จากการที่มีผู้อพยพเดินทางเข้ามาจำนวนมากมาย และมีบุคคลภายในยุโรปจำนวนน้อยที่ฝักใฝ่ลัทธิรุนแรงอิสลามิสต์ ลุกขึ้นมาก่อเหตุโจมตีไม่หยุดหย่อน ทั้งนี้กลุ่มไอเอสก็ได้เรียกร้องให้ผู้ที่เห็นด้วย ก่อการโจมตีเพื่อเป็นการแก้แค้นที่ฝ่ายตะวันตกเข้าไปยุ่งเกี่ยวแทรกแซงในสงครามความขัดแย้งในซีเรียและอิรัก
สำหรับเหตุระเบิดที่แมนเชสเตอร์คราวนี้ ผู้เห็นเหตุการณ์หลายรายเล่าถึงความสยดสยองทั้งจากการระเบิดและการเหยียบกันของผู้คน เนื่องจากเหตุร้ายเกิดขึ้นในตอนที่คอนเสิร์ตเลิก และผู้คนในสนามกีฬาในร่มใหญ่ที่สุดในยุโรปซึ่งจุผู้ชมได้ 21,000 คนแห่งนี้ กำลังทยอยเดินออกมา
“เราออกวิ่ง และผู้คนกำลังกรีดร้องระงมอยู่รอบๆ พวกเรา และเกิดการผลักการดันกันตรงบันไดที่จะออกไปข้างนอก มีคนล้มลงที่พื้น พวกเด็กผู้หญิงร้องไห้ และเราเห็นผู้หญิงหลายคนกำลังได้รับการเยียวยารักษาจากพวกแพทย์ฉุกเฉิน กำลังเปิดแผลที่ขาของพวกเธอ ... มันเต็มไปด้วยความวุ่นวายไปหมด” เซบาสเตียน ดิแอซ วัย 19 ปีเล่าเหตุการณ์ “เรียกได้ว่ามันแค่นาทีเดียวหลังคอนเสิร์ตเลิก มีการเปิดไฟ และระเบิดก็บึ้มขึ้น”
แหล่งข่าวที่ทราบเรื่องสถานการณ์คราวนี้บอกกับรอยเตอร์ว่า อุปกรณ์ระเบิดของคนร้ายได้บรรจุพวกโลหะและน็อตเอาไว้ ทั้งนี้มีผู้ที่บาดเจ็บอย่างน้อย 19 คนทีเดียวที่อาการสาหัสมาก
จากคลิปวิดีโอที่โพสต์กันบนทวิตเตอร์ แสดงให้เห็นแฟนๆ ซึ่งจำนวนมากเป็นเด็กๆ พากันกรีดร้องระงมและวิ่งออกจากสนามกีฬา พ่อแม่ผู้ปกครองหลายสิบคนเที่ยวค้นหาลูกหลานของพวกเขาอย่างร้อนรนบ้าคลั่ง หลายๆ คนโพสต์ภาพของลูกหลานและขอความช่วยเหลือแจ้งข้อมูลผ่านทางสื่อสังคม
ในเวลาต่อมาได้มีการเปิดเผยชื่อเหยื่อผู้เสียชีวิตคนแรก คือ จอร์จินา คัลลันเดอร์ วัย 18 ปี ซึ่งมาจากมณฑลแลงคาสเชอร์ ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเขตปกครองอังกฤษ โดยที่สถาบันการศึกษาของเธอเป็นผู้ปรกาศข่าวการสิ้นชีวิตรายนี้
ทางด้านนักร้อง อเรียนา แกรนเด ซึ่งปัจจุบันอายุ 23 ปี โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ว่า “ใจสลาย จากส่วนลึกสุดของหัวใจฉัน ฉันเสียใจเหลือเกิน พูดอะไรไม่ออก”
ขณะที่เมย์ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการหาเสียงโดยที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 มิถุนายน หรืออีก 2 สัปดาห์ครึ่งข้างหน้า แถลงว่า เนื่องจากเหตุร้ายที่เกิดขึ้นคราวนี้ เธอกับ เจเรมี คอร์บิน ผู้นำของพรรคเลเบอร์ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุด จึงตกลงกันว่าจะระงับการรณรงค์หาเสียงเอาไว้ชั่วคราว
บรรดาผู้นำของประเทศต่างๆ พากันแสดงความเสียใจและอาลัยต่อเหตุการณ์คราวนี้ เช่นเดียวกับดาราดังจากโลกแห่งดนตรีและฟุตบอล
“ผู้คนเยาว์วัยที่สวยงามและบริสุทธิ์มากมายเหลือเกินกำลังใช้ชีวิต และกำลังสนุกสนานกับชีวิตของพวกเขา ต้องถูกฆาตกรรมโดยพวกปีศาจร้ายขี้แพ้” ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวเช่นนี้ระหว่างเดินทางเยือนเมืองเบธเลเฮม
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก็ประณาม “อาชญากรรมที่ไม่มีความเป็นมนุษย์และมุ่งเหยียดหยามโลก” ครั้งนี้ พร้อมกับเสนอเพิ่มความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายกับสหราชอาณาจักร
นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี และประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง ของฝรั่งเศส ก็แสดงความเสียใจอาลัยแก่ผู้ที่สูญเสีย