รอยเตอร์ - ผู้นำสหรัฐฯ เดินทางไปยังเมืองเบธเลแฮมในเขตเวสต์แบงก์ เขตยึดครองของอิสราเอล ท่ามกลางขบวนรถคุ้มกันเข้มงวด เพื่อหารือเกี่ยวกับสันติภาพตะวันออกกลางกับผู้นำปาเลสไตน์
พื้นที่กว้างขวางบริเวณตอนกลางและด้านใต้ของนครเยรูซาเลมถูกปิดในวันอังคาร (23 พ.ค.) เพื่อให้ขบวนรถประมาณ 60 คันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เคลื่อนผ่านจากโรงแรมที่พักในเมืองไปยังด้านใต้ของเมือง ซึ่งอยู่ห่างกันเพียง 8 กิโลเมตร
การเดินทางไปยังเบธเลแฮม ที่ตั้งของโบสถ์พระคริสต์สมภพที่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระเยซูนั้น ต้องผ่านจุดตรวจของอิสราเอลและแนวกำแพงป้องกันระเบิดที่แบ่งแยกเวสต์แบงก์กับอิสราเอล
ถนนสายนี้ยังนำทรัมป์ผ่าน “วอลเล็ด ออฟ โฮเต็ล” หรือเกสต์เฮาส์ของ “แบงก์ซี” ศิลปินกราฟิตีชื่อดังของอังกฤษที่ออกแบบมาเพื่อดึงดูดให้ผู้คนให้ความสนใจกับแนวกำแพงป้องกันระเบิดที่อิสราเอลอ้างว่า มีไว้เพื่อป้องกันการโจมตีจากปาเลสไตน์
นอกจากนั้น บนผนังคอนกรีตสีเทาแผ่นหนึ่งที่ขบวนรถเคลื่อนผ่านยังมีภาพเหมือนของ “ไลลา คาลิด” นักรบปาเลสไตน์ที่เข้าร่วมการจี้เครื่องบินสองครั้งในปี 1969 และ 1970
หลังจากทรัมป์ใช้เวลาคุยกับประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ ประมาณ 1 ชั่วโมง ทรัมป์ก็ได้ประณามผู้ก่อเหตุโจมตีด้วยระเบิดในแมนเชสเตอร์ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย จากนั้นก็ได้วกกลับมาพูดถึงประเด็นเรื่องสันติภาพในตะวันออกกลาง
จากนั้นผู้นำสหรัฐฯ ได้เดินทางกลับเยรูซาเลมเพื่อเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว “ยาด วาเชม” และปราศรัยที่พิพิธภัณฑสถานอิสราเอล
ทรัมป์เคยต้อนรับอับบาสที่ทำเนียบขาวเมื่อต้นเดือนนี้ โดยในครั้งนั้นผู้นำสหรัฐฯ ยกย่องประธานาธิบดีปาเลสไตน์และแสดงความหวังว่าจะได้ร่วมกันสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงแผนการตั้งรัฐอิสราเอลและปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นเป้าหมายทางการทูตยาวนานของอเมริกาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในภูมิภาคดังกล่าว
ก่อนเดินทางเยือนตะวันออกลางซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ 2 ของการเดินทางนาน 9 วัน ซึ่งเริ่มต้นที่ซาอุดีอาระเบีย ส่วนเป้าหมายถัดไปหลังจากนี้คือนครวาติกัน ประเทศอิตาลี และเบลเยียมนั้น เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้ระบุว่า ทรัมป์อาจพูดถึง “การกำหนดการปกครองด้วยตนเอง” ซึ่งหมายถึงการสนับสนุนการตั้งรัฐปาเลสไตน์ในระหว่างการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะ
ขณะเดียวกัน ระหว่างการพบกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลเมื่อวันจันทร์ (22 พ.ค.) ทรัมป์พุ่งประเด็นความสนใจไปที่เรื่องภัยคุกคามจากอิหร่าน แต่ยังมีบางช่วงบางตอนที่พาดพิงถึงโอกาสในการสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง และการที่ซาอุดีอาระเบียรวมถึงประเทศอาหรับอื่นๆ อาจเปลี่ยนจุดยืนและเปิดโอกาสสำหรับข้อตกลงสันติภาพ
แม้ทางการปาเลสไตน์แสดงความพร้อมในการฟื้นการเจรจากับอิสราเอลที่ล่มลงในปี 2014 แต่ยังมีความท้าทายรออยู่ อาทิ การที่ความนิยมในตัวอับบาสกำลังตกต่ำ ทั้งนี้ จากผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุด ขณะที่การเมืองปาเลสไตน์มีความแตกแยกระหว่างพรรคฟาตาห์ของอับบาส กับกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่ควบคุมฉนวนกาซาและคัดค้านการเจรจากับอิสราเอล
ที่กาซา ซึ่งเป็นดินแดนชายฝั่งอยู่ห่างจากเวสต์แบงก์ทางตะวันตกประมาณ 60 กิโลเมตร และถูกปิดกั้นทางบกและทางทะเลจากอิสราเอลและอียิปต์นั้น คาดว่าจะมีผู้คนไปรวมตัวประท้วงกันอีก หลังจากที่เมื่อวันจันทร์ก็มีการชุมนุมต่อต้านการเยือนของทรัมป์