เอเจนซีส์ - เกาหลีเหนือประกาศในวันจันทร์ (22 พ.ค.) ว่า ขีปนาวุธพิสัยกลาง “พุกกุกซอง-2” ของตนพร้อมแล้วที่จะผลิตออกมาจำนวนมากและนำเข้าประจำการใช้งานทันที ภายหลังประสบความสำเร็จในการทดสอบเมื่อวันอาทิตย์ (21) ทั้งนี้เปียงยางแสดงท่าทีไม่แยแสคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นซึ่งเรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อจัดการเรื่องนี้ ส่วนทางด้านจีนยังคงย้ำทุกฝ่ายต้องงดการยั่วยุ และเดินหน้าหาทางแก้ปัญหาผ่านการเจรจาอย่างสันติ
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงานวันจันทร์ (22) ว่า คิม จองอึน ผู้นำโสมแดง ได้เดินทางไปบัญชาการการทดสอบขีปนาวุธ พุกกุกซอง-2 ด้วยตนเองในวันอาทิตย์ (21) พร้อมกับอ้างคำพูดของคิมที่กล่าวภายหลังการทดสอบว่า ขีปนาวุธนี้มีความแม่นยำสูง สามารถทำตามข้อกำหนดทางเทคนิคทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการผลิตจำนวนมากและการประจำการในหน่วยรบยุทธศาสตร์ของกองทัพประชาชนเกาหลี
เคซีเอ็นเอเสริมว่า การทดสอบนี้ซึ่งเป็นการทดสอบขีปนาวุธครั้งที่ 2 ของเกาหลีเหนือในรอบระยะเวลา 1 สัปดาห์ เป็นการยืนยันความไว้วางใจได้และความแม่นยำในการทำงานของเครื่องยนต์เชื้อเพลิงแข็ง ที่เป็นจุดเด่นของพุกกุกซอง-2 ตลอดจนถึงการแยกตัวและระบบนำวิถีหัวรบในระยะสุดท้าย ซึ่งถูกบันทึกไว้อย่างละเอียดโดยอุปกรณ์ที่ติดตั้งไปกับหัวรบ
ก่อนหน้านี้ กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า พุกกุกซอง-2 ที่โสมแดงยิงคราวนี้ เคลื่อนที่ไปได้ไกล 500 กิโลเมตรโดยประมาณ ที่ระดับความสูง 560 กิโลเมตร ก่อนตกลงในทะเลนอกชายฝั่งด้านตะวันออกของเกาหลีเหนือ ทั้งนี้การทดสอบนี้ให้ข้อมูลที่มีนัยสำคัญอย่างมากสำหรับโครงการขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ แต่ยังต้องวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า เปียงยางมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีการนำจรวดกลับสู่ชั้นบรรยากาศแล้วหรือยัง
ปัจจุบัน โสมแดงประกาศว่ากำลังพัฒนาขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถโจมตีถึงแผ่นดินใหญ่อเมริกา และเมื่อวันเสาร์ (20) ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือประกาศว่าพัฒนาศักยภาพดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว ทว่า ผู้เชี่ยวชาญตะวันตกเชื่อว่า น่าจะเป็นการโอ้อวดเกินจริงมากกว่า และเกาหลีเหนืออาจต้องใช้เวลาอย่างเร็วที่สุดจนถึงปี 2030 จึงจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีนั้นได้
กระนั้น เคซีเอ็นเออ้างว่า ฮาวายและอลาสกาอยู่ภายในเป้าหมายการทดสอบขีปนาวุธเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เดวิด ไรต์ ผู้อำนวยการร่วมของโกลบัล ซีเคียวริตี โปรแกรมของกลุ่มยูเนียน ออฟ คอนเซิร์น ไซเอนทิสต์ส ในอเมริกา อธิบายว่า ขีปนาวุธที่ใช้เชื้อเพลิงแข็งมีข้อดีตรงที่มีเชื้อเพลิงบรรจุในตัว และสามารถยิงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น หากใช้ฐานปล่อยเคลื่อนที่ด้วยแล้วจะทำให้ตรวจจับสัญญาณการเตรียมการปล่อยได้ยากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การสร้างขีปนาวุธใช้เชื้อเพลิงแข็งขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยไรต์ตั้งข้อสังเกตจากมหาอำนาจ เช่น ฝรั่งเศสและจีนที่ต้องใช้เวลาหลายทศวรรษนับจากการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยกลาง ก่อนที่จะสร้างขีปนาวุธข้ามทวีปใช้เชื้อเพลิงแข็งสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม การทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเปียงยางถือเป็นการละเมิดมติและมาตรการลงโทษของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อย่างชัดเจน โดยคณะมนตรีได้นัดประชุมแบบปิดลับในวันอังคาร (23) ตามการร้องขอของสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้
การทดสอบนี้ยังอาจทำให้ประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้ ต้องเปลี่ยนแผนการ จากเดิมที่หาเสียงไว้ว่า จะทบทวนการติดตั้งระบบป้องกันภัยขีปนาวุธขั้นสูงของสหรัฐฯ “ทาด” ที่ถูกจีนคัดค้านอย่างหนัก
ลี ดุคเฮง รัฐมนตรีกระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า แม้โซลอาจตอบโต้การยั่วยุของเกาหลีเหนืออย่างแข็งกร้าว แต่ก็ไม่ต้องการให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นตัดสัมพันธ์กัน
ที่โตเกียว โยชิฮิเดะ ซูงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถยอมรับได้กับการยิงขีปนาวุธเมื่อวันอาทิตย์ รวมทั้งการกระทำและคำพูดที่ยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเกาหลีเหนือ
ซูงะเสริมว่า จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อตัดรายได้ในรูปเงินตราต่างประเทศของเกาหลีเหนือ และป้องกันการจัดส่งขีปนาวุธนิวเคลียร์และการถ่ายโอนเทคโนโลยี เพื่อสกัดการพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โดยญี่ปุ่นจะดำเนินการแซงก์ชันเต็มรูปแบบต่อเปียงยาง
ทางด้านจีน หวา ชุนอิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศ แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น มีข้อกำหนดชัดเจนในการห้ามเกาหลีเหนือใช้ขีปนาวุธนำวิถี กระนั้น สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีปัจจุบันซับซ้อนและอ่อนไหวอย่างยิ่ง ทุกฝ่ายจึงควรหลีกเลี่ยงการยั่วยุต่อกัน และสานต่อการเจรจา
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า แอร์ คอร์โย สายการบินแห่งชาติของเกาหลีเหนือ ระงับการให้บริการเส้นทางใหม่ระหว่างเปียงยางและเมืองตานตงของจีน โดยไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า การระงับนี้เริ่มต้นเมื่อใดและด้วยเหตุผลใด
อย่างไรก็ดี เที่ยวบินระหว่างเปียงยางกับปักกิ่งและเสิ่นหยางยังให้บริการตามปกติ