xs
xsm
sm
md
lg

ทำเนียบขาวสู้แรงกดดันไม่ไหว ยอมตั้งอดีต ผอ.FBI เป็นที่ปรึกษาพิเศษ คุมสอบรัสเซียช่วยทรัมป์ชนะเลือกตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<i>โรเบิร์ต มุลเลอร์ อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอ ในภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2013  เขาเพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายพิเศษ เพื่อติดตามสอบสวนกรณีฉาวรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว </i>
เอเจนซีส์ - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ทนแรงกดดันจากรัฐสภาไม่ไหว ประกาศแต่งตั้งโรเบิร์ต มุลเลอร์ อดีตนายใหญ่เอฟบีไอ เป็นที่ปรึกษากฎหมายพิเศษควบคุมการสอบสวนกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ทีมหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจสมรู้ร่วมคิดด้วย ด้านประมุขทำเนียบขาวดรามาหนัก ครวญเป็นนักการเมืองที่ได้รับการปฏิบัติเลวร้ายและไม่เป็นธรรมที่สุดในประวัติศาสตร์

ประธานาธิบดีทรัมป์รับทราบข่าวการแต่งตั้งมุลเลอร์เมื่อวันพุธ (17 พ.ค.) ด้วยท่าทีสงบผิดปกติ และย้ำว่า “การสอบสวนอย่างละเอียดจะยืนยันสิ่งที่เรารู้ดีอยู่แล้ว นั่นคือไม่มีการสมรู้ร่วมคิดระหว่างทีมหาเสียงของผมกับหน่วยงานไม่ว่าจากชาติใดก็ตาม”

ด้านมุลเลอร์แถลงว่า ยอมรับการแต่งตั้งนี้และจะรับผิดชอบอย่างสุดความสามารถ

ทรัมป์นั้นเพิ่งโอดครวญเมื่อเช้าวันพุธว่า ไม่มีนักการเมืองคนใดในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการปฏิบัติเลวร้ายและไม่เป็นธรรมเท่าตนเองอีกแล้ว โดยที่ก่อนหน้านั้นเขายังแสดงอาการขัดเคืองทุกครั้งที่มีเสียงวิจารณ์ว่า มอสโกมีบทบาทสำคัญที่ทำให้เขาชนะการเลือกตั้ง

เช่นเดียวกัน มอสโกยืนกรานปฏิเสธข้อสรุปของหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯ เรื่องการแทรกแซงการเลือกตั้งของอเมริกา

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากที่ทำเนียบขาวตกอยู่ในสถานการณ์เคราะห์ซ้ำกรรมซัด นับจากที่ทรัมป์ปลดเจมส์ โคมีย์ ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และพรรคเดโมแครต ตลอดจนสมาชิกบางคนในพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้ตั้งอัยการอิสระสอบสวนว่า รัสเซียพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เพื่อสกัดฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต และส่งให้ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน เข้าสู่ทำเนียบขาวหรือไม่

โคมีย์เป็นผู้ที่มีบทบาทแข็งขันในการสอบสวนกรณีดังกล่าว มิหนำซ้ำเมื่อวันอังคาร (16) หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ยังแฉว่า ทรัมป์ขอให้โคมีย์ยุติการสอบสวนความเชื่อมโยงระหว่างไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติที่ตนเองแต่งตั้ง กับรัสเซีย ทำให้เกิดการวิจารณ์สนั่นหวั่นไหวว่า ผู้นำสหรัฐฯ พยายามแทรกแซงการตรวจสอบของรัฐอย่างไม่เหมาะสมหรือไม่
ล่าสุด นิวยอร์กไทมส์รายงานเพิ่มเติมเมื่อวันพุธโดยอ้างแหล่งข่าวสองคนว่า ฟลินน์บอกกับดอน แมคกาห์น หัวหน้าทีมกฎหมายทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 4 มกราคมว่า ตนกำลังถูกสอบสวนจากรัฐบาลกลาง แต่ดูเหมือนทีมงานรับมอบอำนาจของทรัมป์จะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และยืนยันแต่งตั้งเขาเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ

นอกจากนั้นเมื่อต้นสัปดาห์ ทรัมป์ยังถูกกล่าวหาว่า เปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) กับเซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย และ เซีย์ร์เกย์ คิสลยาค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำวอชิงตั ตอนที่ทั้งคู่เข้าพบในห้องทำงานรูปไข่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ประเด็นนี้สร้างความปั่นป่วนไปถึงตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันพุธ โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดาวโจนส์ตกแรงที่สุดภายในวันเดียวนับจากเดือนกันยายนปีที่แล้ว เนื่องจากนักลงทุนเริ่มถอดใจว่าทรัมป์ยังจะสามารถผลักดันมาตรการลดภาษีและนโยบายทางเศรษฐกิจอื่นๆ ตามที่ประกาศไว้หรือไม่
<i>ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2013  ตอนที่ เจมส์ โคมีย์ (ขวา) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) สืบต่อจาก โรเบิร์ต มุลเลอร์ (ซ้าย)  </i>
สำหรับการแต่งตั้งมุลเลอร์คราวนี้ ร็อด โรเซนสไตน์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงยุติธรรม แถลงว่า นี่ไม่ได้หมายความว่า มีการตรวจพบการก่อความผิดทางอาญาหรือมีการฟ้องร้อง แต่เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในผลการสอบสวนเรื่องนี้

พวกเจ้าหน้าที่อาวุโสในทำเนียบขาวเผยว่า ทรัมป์รับรู้เรื่องการแต่งตั้งมุลเลอร์จากแมคกาห์น ก่อนการแถลงข่าวเรื่องนี้ประมาณ 25 นาที

หลังจากนั้น ทรัมป์เรียกประชุมทีมงานคนสนิทในห้องทำงานรูปไข่ อาทิ รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์, หประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว เรนซ์ พรีบัส, ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ แกรี่ คอห์น, หัวหน้านักยุทธศาสตร์ สตีฟ แบนนอน และให้กำลังใจคนเหล่านี้ว่า การแต่งตั้งมุลเลอร์จะทำให้ทีมงานทั้งหมดไม่ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับกรณีรัสเซียอีกโดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมุลเลอร์แทน และสามารถทุ่มเทความสนใจกับนโยบายต่างๆ อย่างเต็มที่

ทางด้านสมาชิกรัฐสภาทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันต่างเห็นชอบกับการดำเนินการของกระทรวงยุติธรรมครั้งนี้ และยกย่องมุลเลอร์ว่า เป็นคนซื่อสัตย์ อย่างไรก็ดี ผู้นำรีพับลิกันในสภาสูงและสภาล่างยืนยันว่า จะเดินหน้าสอบสวนประเด็นรัสเซียต่อ
มุลเลอร์ วัย 72 ปี อดีตทหารผ่านศึกในสงครามเวียดนาม และอดีตอัยการรัฐ ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่า เป็นมือกฎหมายที่เด็ดขาดและครั้งหนึ่งเคยลุกขึ้นเผชิญหน้ากับประธานาธิบดีมาแล้ว

เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการเอฟบีไอในยุคประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช จากพรรครีพับลิกัน ก่อนเกิดวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 และในปี 2011 ได้รับการร้องขอจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครต ในเวลานั้น ให้อยู่ในตำแหน่งต่ออีก 2 ปี ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งโคมีย์มาแทนในปี 2013

มุลเลอร์ได้รับการยกย่องจากการเปลี่ยนแปลงเอฟบีไอโดยหันไปทุ่มเทกับการสอบสวนเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย และการปรับปรุงความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐบาล

ทั้งนี้ สำหรับตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมายพิเศษนั้น จะมีอำนาจในการสอบสวนอย่างอิสระ รวมถึงแต่งตั้งคณะทำงานเอง นอกจากนั้นยังไม่จำเป็นต้องปรึกษาหรือรายงานความคืบหน้าในการสอบสวนต่อรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีช่วยยุติธรรม

มุลเลอร์ยังได้รับอำนาจพิเศษในการตรวจสอบความเชื่อมโยงและ/หรือความร่วมมือใดๆ ระหว่างรัฐบาลรัสเซียกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการหาเสียงของทรัมป์

กำลังโหลดความคิดเห็น