รอยเตอร์ - รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ยอมรับโครงการขีปนาวุธโสมแดงมีความคืบหน้ากว่าที่คาดไว้ ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นลงมติเอกฉันท์ เรียกร้องให้เปียงยางยุติการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธ พร้อมประณามการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์
ฮัน มิน คู รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ แถลงต่อรัฐสภาในวันอังคาร (16 พ.ค.) ว่าการทดสอบยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จในแง่การบิน โดยถือเป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง หรือไอบีอาร์เอ็ม ที่มีพิสัยมาตรฐาน 3,000-4,000 กิโลเมตร และมีคุณภาพสูงขึ้นเมื่อเทียบกับจรวดมูซูดานที่ล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังยอมรับว่า โครงการขีปนาวุธโสมแดงพัฒนาเร็วกว่าที่โซลคาดไว้
ทั้งนี้ สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนืออวดอ้างว่า ขีปนาวุธที่ทดสอบเมื่อวันอาทิตย์สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ ส่วนเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำปักกิ่ง ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า เกาหลีเหนือจะเดินหน้าทดสอบขีปนาวุธต่อไปทุกที่ทุกเวลา
เคซีเอ็นเอแจงว่า ขีปนาวุธล่าสุดยิงไปไกลถึง 787 กิโลเมตร ความสูง 2,115 กิโลเมตร
เปียงยางนั้นข่มขู่เป็นประจำว่า จะทำลายอเมริกาให้ราบคาบ โดยกล่าวหาว่าวอชิงตันพยายามผลักดันให้คาบสมุทรเกาหลีเข้าสู่เงื้อมเงาของสงครามนิวเคลียร์ด้วยการซ้อมรบกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเมื่อไม่นานนี้
ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้คาดว่า เปียงยางจะออกมาเคลื่อนไหวก่อกวนอีกครั้งในเดือนหน้า ซึ่งประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ จะเดินทางไปพบประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่วอชิงตัน
ในวันอังคาร ระหว่างหารือกับ แมตต์ พอตทิงเจอร์ ผู้รับผิดชอบกิจการเอเชียของสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ มุนแสดงความหวังว่า เกาหลีใต้และอเมริกาจะยังคงหารืออย่างใกล้ชิดและมากเพียงพอต่อไป
ในวันเดียวกันนั้น สมาชิก 15 ชาติในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า เกาหลีเหนือจำเป็นต้องยึดมั่นในมาตรการปลดอาวุธนิวเคลียร์ด้วยการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ย้ำความสำคัญในการดำเนินการเพื่อลดความตึงเครียด โดยยุติการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธ และสำทับว่า คณะมนตรีฯ พร้อมออกมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือเพิ่มเติม
แถลงการณ์ดังกล่าวยังประณามการทดสอบขีปนาวุธของเปียงยางเมื่อวันที่ 28 เมษายนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ภายหลังการทดสอบดังกล่าว วอชิงตันเริ่มหารือกับปักกิ่งถึงความเป็นไปได้ในการออกมาตรการแซงก์ชันใหม่ ซึ่งปกติแล้ว สองชาตินี้จะหารือกันเรื่องนี้ก่อนที่จะนำไปหารือกับสมาชิกชาติอื่นๆ ต่อไป
โรเบิร์ต วูด เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ด้านการปลดอาวุธ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า จีนคือกุญแจสำคัญในการแก้ไขวิกฤตการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี ขณะนี้วอชิงตันกำลังดำเนินมาตรการหลายอย่างพร้อมกัน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง เพื่อรับมือกับการยั่วยุและการกระทำที่เป็นอันตรายของเปียงยาง อเมริกาต้องการให้จีนยกระดับความเกี่ยวข้องในการดำเนินมาตรการเหล่านี้
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งใหญ่กับเกาหลีเหนือ แถมอเมริกายังแสดงแสนยานุภาพด้วยการส่งกองเรือจู่โจมที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน “ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน” ไปยังน่านน้ำนอกคาบสมุทรเกาหลีเพื่อซ้อมรบกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
พล.ร.อ.แฮร์รี แฮร์ริส ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคารก่อนหารือกับ “ฟูมิโอะ คิชิดะ” รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นว่า การที่เกาหลีเหนือยังคงยิงขีปนาวุธทดสอบต่อเนื่องซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้นั้น ตอกย้ำความสำคัญในการเป็นพันธมิตรระหว่างญี่ปุ่นกับอเมริกา ตลอดจนถึงความร่วมมือสามฝ่ายระหว่างอเมริกา-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้
ทั้งนี้ แฮร์ริสยังมีกำหนดเข้าพบ “ชินโซ อาเบะ” นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น “โทโมมิ อินาดะ” ในวันเดียวกัน