รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันพุธ (10 พ.ค.) ปกป้องคำสั่งปลด เจมส์ โคมีย์ พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอ ระบุ “เขาทำงานได้ไม่ดีพอ” ในขณะที่พวกเดโมแครตกล่าวหาหนักหน่วงว่าการไล่ออกครั้งนี้มีเจตนากัดเซาะความเคลื่อนไหวตรวจสอบกรณีทีมหาเสียงของทรัมป์อาจสมคบคิดกับรัสเซียในการมีอิทธิพลเหนือศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2016
ความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีจากรีพับลิกันเมื่อวันอังคาร (9 พ.ค.) ก่อความตกตะลึงทั่ววอชิงตัน และเรียกเสียงประณามอย่างทันควันจากพรรคเดโมแครตและสมาชิกบางส่วนภายในพรรคของเขาเอง ขณะที่สมาชิกระดับอาวุโสของเดโมแครตกดดันให้ตั้งคณะสืบสวนอิสระสำหรับเข้าตรวจสอบประเด็นรัสเซีย
ระหว่างพบปะกับ เฮนรี คิสซิงเกอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ทรัมป์ถูกผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมเขาถึงไล่ โคมีย์ ออก ซึ่ง ทรัมป์ ตอบว่า “ง่ายๆ เลย เขาทำงานได้ไม่ดีพอ”
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์โพสต์บนทวิตเตอร์อธิบายเหตุผลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้และตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อตัวเขา “ทุกๆ คนในวอชิงตัน ทั้งรีพับลิกันและเดโมแครต สูญเสียความเชื่อมั่นในตัว โคมีย์ เมื่อสิ่งต่างๆ สงบลง พวกเขาจะขอบคุณผม” ทรัมป์กล่าว “เดโมแครตก็เคยพูดถึงบางอย่างที่เลวร้ายเกี่ยวกับ เจมส์ โคมีย์ ในนั้นรวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเขาควรถูกไล่ออก แต่ตอนนั้นพวกเขากลับตีหน้าเศร้า”
เหตุผลในการปลดโคมีย์ตามบันทึกความเข้าใจของร็อด โรเซนสไตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรมคือ ผิดพลาดในการจัดการตรวจสอบกรณีอีเมลฉาวของฮิลลารี คลินตัน ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาสมัยแรก
สมาชิกเดโมแครตหลายคนเคยวิพากษ์วิจารณ์แนวทางกาารจัดการการสืบสวนดังกล่าวของโคมีย์ แต่พวกเขาตั้งคำถามเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปลดผู้อำนวยการเอฟบีไอรายนี้ ซึ่งทรัมป์ ควรจะดำเนินการตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการก้าวสู่ตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ทั้งที่เขาวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อกรณีเอฟบีไอและสภาคองเกรสลงมือตรวจสอบคำกล่าวหารัสเซียแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี
นิวยอร์กไทมส์ และวอชิงตันโพสต์ อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม เปิดเผยว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โคมีย์ เพิ่งยื่นคำร้องถึง รอด โรเซนสไตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม ขอเพิ่มทรัพยากรในการสืบสวนของเอฟบีไอ และได้รายงานสรุปต่อคำขอดังกล่าวต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเวลาต่อมา
แม้พรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ทั้ง 2 สภา แต่ก็มีสมาชิกรีพับลิกันจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆที่แสดงความสงสัยเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของทรัมป์ อย่างไรก็ตาม มิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา เลือกยืนอยู่ข้างทรัมป์ โดยกล่าวหาว่าพวกเดโมแครตกำลังคร่ำครวญเกี่ยวกับการปลดผู้อำนวยการเอฟบีไอ ทั้งที่พวกเขาเองก็วิพากษ์วิจารณ์โคมีย์อย่างรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นกัน
เขายังปฏิเสธเสียงเรียกร้องของเดโมแครต ที่อยากให้กระทรวงยุติธรรมแต่งตั้งอัยการพิเศษเข้าสืบสวนบทบาทของมอสโกในศึกเลือกตั้งที่ผ่านมา และความสัมพันธ์ระหว่างคนใกล้ชิดของทรัมป์กับรัสเซีย โดย แมคคอนเนลล์ กล่าวต่อที่ประชุมวุฒิสภาว่าการสืบสวนใหม่จะเป็นสิ่งกีดกวางการสืบสวนต่างๆที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ในนั้นรวมถึงการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภา
ประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯสรุปในรายงานเมื่อเดือนมกราคม ว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ออกคำสั่งในความพยายามก่อความวุ่นวายแก่ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา ในนั้นรวมถึงการแฮกและเผยแพร่อีเมลของพรรคเดโมแครต ซึ่งมีเป้าหมายช่วย ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม มอสโกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่ได้แทรกแซงการเลือกตั้ง ส่วนรัฐบาลทรัมป์ก็ปัดคำกล่าวหาสมคบคิดกับเครมลิน
ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่าการไล่ออก โคมีย์ ไม่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบประเด็นรัสเซีย และทรัมป์อยู่ระหว่างขั้นตอนประเมินตัวเต็งที่จะเข้ามาทำหน้าที่ผู้อำนวยการคนใหม่ของเอฟบีไอ “ประธานาธิบดีทรัมป์ ตัดสินใจได้ถูกที่ถูกเวลา”
ตัวเลือกผู้อำนวยการเอฟบีไอคนใหม่ของทรัมป์ จำเป็นต้องผ่านการรับรองจากวุฒิสภา โดยจากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่ง ระบุตัวเต็งที่จะเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวดังกล่าวชั่วคราว ในนั้นรวมถึง แอนดรูว์ แม็กเคบ รักษาการผู้อำนวยการเอฟบีไอ, พอล แอบเบต ผู้ช่วยผู้อำนวยการเอฟบีไอ, ไมเคิล แอนเดอร์สัน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอประจำชิคาโกและ อดัม ลี เจ้าหน้าที่เอฟบีไอประจำเวอร์จิเนีย
ท่ามกลางประเด็นถกเถียง ทรัมป์ เปิดทำเนียบขาว พบปะกัน เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (10 พ.ค.) โดยหลังหารือเสร็จสิ้น ทรัมป์บอกว่าเป็นการประชุมที่ดียิ่งและได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องหยุดการเข่นฆ่าในสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานของซีเรีย
ก่อนหน้านั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ลาฟรอฟ ที่กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนที่เขาจะเข้าพบ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ว่าการปลด โคมีย์ จะบดบังการพูดคุยหรือไม่ ซึ่ง ลาฟรอฟ ตอบด้วยน้ำเสียงกระทบกระเทียบว่า “เขาถูกไล่ออกแล้วหรือ? คุณล้อเล่นหรือเปล่า คุณกำลังพูดเล่นแน่เลย”
ในขณะที่ เครมลินในวันพุธ (10 พ.ค.) ระบุการไล่ เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ออกจากตำแหน่ง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเรื่องภายใน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับรัสเซีย พร้อมเชื่อจะไม่กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ