xs
xsm
sm
md
lg

อื้ออึง “อดีต ปธน.ซาเลห์” ร่วมรบกบฏฮูตี ยอมเปิดทางเจรจากับซาอุฯ เล็งสร้างสัมพันธภาพกับอิหร่าน อ้างเพื่อเยเมน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

(ภาพจากแฟ้ม)ประธานาธิบดีเยเมน อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จุนอิจิโร โคอิซูมิ เมื่อวันที่ 7 พ.ย 2005 ในระหว่างการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ 3 วันของซาเลห์
เอเอฟพี/เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - อดีตประธานาธิบดีเยเมน และพันธมิตรกบฏฮูตีในกรุงซานา อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ (Ali Abdullah Saleh) แถลงล่าสุดเมื่อวาน (9 พ.ค.) เปิดทางยอมเข้าเจรจากับซาอุฯในกรุงริยาร์ด หลังเกิดสงครามยืดเยื้อนานร่วม 2 ปีระหว่างกบฏฮูตีและกองทัพพันธมิตรที่มีซาอุฯ เป็นแกนนำหนุนรัฐบาลอับดุล รับบูห์ มานซูร์ ฮาดี

เอเอฟพีรายงานวันนี้ (10 พ.ค.) ว่า ในการประชุมร่วมกับพรรคเจเนอรัล พีเพิล คองเกรส ปาร์ตี ในกรุงซานาวันอังคาร (9) อดีตประธานาธิบดีเยเมนที่ต้องออกจากอำนาจในปี 2012 อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ได้ประกาศว่า เขาพร้อมจะเดินทางไปกรุงริยาร์ดเพื่อหารือกับซาอุดีอาระเบีย แกนนำกองกำลังผสมต่อต้านกบฏฮูตี พันธมิตรของซาเลห์

โดยกล่าวว่า “เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเปิดการเจรจาอย่างสันติ” และในแถลงการณ์ เขายังประกาศว่า “เราพร้อมจะเดินทางไปยังกรุงริยาร์ด เมืองคามิส มูชิต (Khamis Mushit) หรือกรุงมัสกัต (Muscat) หรือที่อื่นในโลกนี้เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ” ซึ่งเอเอฟพีดีชี้ว่า ซาเลห์ได้กล่าวอ้างไปถึงซาอุฯ และประเทศเพื่อนบ้าน โอมาน

แต่อย่างไร ซาเลห์ยังคงตอกย้ำจุดเดิม ในการปฎิเสธความถูกต้องของชุดรัฐบาลเยเมนภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี อับดุล รับบูห์ มานซูร์ ฮาดี ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ได้รับการรับรองจากนานาประเทศ พร้อมกล่าวต่อว่า ***ซาอุฯ จำเป็นต้องหาความสัมพันธ์ใหม่***

ทั้งนี้แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รัฐบาลเยเมนได้เปิดเผยกับเอเอฟพีในวันพุธ(10 พ.ค)ว่า “สมาชิกในกลุ่มวงในของซาเลห์ ได้พบกับตัวแทนจากริยาร์ดอย่างไม่เป็นทางการเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ในกรุงเบอร์ลิน”

นอกจากนี้ ในการแถลงอดีตผู้นำเยเมนยังประกาศว่า เขามีความต้องการที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบพันธมิตรกับอิหร่านเพื่อผลประโยชน์ของเยเมน ทั้งๆ ที่เป็นที่ทราบดีว่า อิหร่านเป็นศัตรูตัวฉกาจของซาอุฯ และเป็นผู้สนับสนุนกบฎฮูตีพันธมิตรของซาเลห์

ทั้งนี้ ซาเลห์ที่สามารถปกครองเยเมนได้อย่างยาวนานถึง 33 ปี ถึงแม้ CIA สหรัฐฯ ในตอนแรกจะประเมินว่า เขาจะอยู่ในอำนาจได้เพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น อ้างอิงจากอัลญะซีเราะห์ สื่อกาตาร์ในรายงาน และยังสามารถรอดตายหวุดหวิดจากการลอบสังหารในปี 2011 แต่ต้องหลุดจากอำนาจบริหารในปีถัดมาได้กล่าวยืนยันซ้ำไปซ้ำมาว่า เขาเปิดทางให้มีการเจรจาร่วมกับซาอุฯ

แต่ในการแถลง ซาเลห์ปฏิเสธไม่ใช้กาวใจตัวกลาง ทูตพิเศษองค์การสหประชาชาติ อิสมาอิล อูลด์ ชีค อาห์เหม็ด ( Ismail Ould Sheikh Ahmed) โดยกล่าวหาว่า “ไม่เป็นกลาง”

ทั้งนี้ อูลด์ ชีค อาห์เหม็ดมีความต้องการที่จะให้การเจรจาสันติภาพที่ได้หยุดไปชั่วคราวสามารถกลับมาเริ่มใหม่อีกครั้งภายในสิ้นเดือนนี้

ในขณะเดียวกัน โฆษกรัฐบาลเยเมน ราเจห์ บาดี (Rajeh Badi) ให้ข้อมูลกับเอเอฟพีว่า ในขณะนี้ทูตพิเศษยูเอ็น อูลด์ ชีค อาห์เหม็ด อยู่ในกรุงริยาร์ด สำหรับการเจรจาวิกฤตเยเมน ซึ่งทางองค์การสหประชาชาติเชื่อว่า สงครามที่เกิดขึ้นได้สังหารไปไม่ต่ำกว่า 7,700 คนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2015

อย่างไรก็ตาม อดีตประธานาธิบดีเยเมนชี้ว่า ตัวเลขสมาชิกกบฏฮูตีที่ต้องจบชีวิตไปมีสูงถึง 11,000 คนและบาดเจ็บอีกร่วม 25,000 คนในตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

เอเอฟพีรายงานว่า ถึงแม้ว่าซาเลห์ต้องยอมลาออกหลังเกิดการประท้วงครั้งใหญ่จากประชาชนเยเมนในเดือนกุมภาพันธ์ 2012 แต่ทว่าเขาทรงอิทธิพลอยู่สูงในกองทัพเยเมน

โดยพบว่ามีบางส่วนของกองทัพยังจงรักภักดีต่อตัวเขา และในปี 2014 ซาเลห์ได้ทำให้บทบาทของตัวเองสำคัญและกลายเป็นผู้เล่นหลักในความขัดแย้งด้วยการสร้างพันธมิตรร่วมกับกบฏฮูตี ที่ได้ขับไล่ประธานาธิบดีฮาดีออกจากทำเนียบรับบาลในกรุงซานา และทำให้ฮาดีต้องใช้เมืองท่าเอเดนเป็นที่ตั้งรัฐบาลเยเมนของตัวเองในขณะที่ตัวเองต้องลี้ภัยอยู่ในซาอุดีอาระเบีย



กำลังโหลดความคิดเห็น