เอเจนซีส์ - “ทรัมป์” ปลดฟ้าผ่า “โคมีย์” ผู้อำนวยการเอฟบีไอ อ้างต้องการฟื้นความเชื่อมั่นของสาธารณชน ขณะที่รัฐมนตรีช่วยยุติธรรมบอกว่า โคมีย์มีข้อผิดพลาดในการจัดการกรณีอีเมลฉาวของคลินตัน ทว่าด้านเดโมแครตโวยหนัก ระบุทำเนียบขาวกำลังพยายามปิดบังความผิดรู้เห็นเป็นใจรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง กระทุ้งตั้งอัยการอิสระทำหน้าที่สอบข้อสงสัย แม้แต่สมาชิกรีพับลิกันด้วยกันบางคนยังกังขาในจังหวะเวลาและเหตุผลในการปลดนายใหญ่ของสำนักงานสอบสวนกลางทรงอิทธิพลแห่งนี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งสุดช็อกเมื่อวันอังคาร (9 พ.ค.) ปลด เจมส์ โคมีย์ จากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ในจดหมายที่ทรัมป์เขียนถึงโคมีย์กล่าวว่า ทางสำนักงานจะต้องมีผู้นำใหม่เพื่อฟื้นความไว้วางใจและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อภารกิจในการบังคับใช้กฎหมายของเอฟบีไอ และคำสั่งปลดนี้มีผลทันที
ทรัมป์ยังใช้จดหมายฉบับนี้กันตัวเองจากเรื่องอื้อฉาวที่ยิ่งสาวยิ่งลึกกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยกล่าวว่ารู้สึกยินดีอย่างมากที่ได้รับแจ้งจากโคมีย์ถึง 3 วาระว่า ตนไม่ได้ถูกสอบสวนในกรณีดังกล่าว
ทั้งนี้ ภายใต้การนำของโคมีย์ เอฟบีไอสรุปว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย อนุมัติปฏิบัติการแทรกแซงการเลือกตั้งและสนับสนุนให้ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ด้านทำเนียบขาวแถลงว่า เรื่องนี้ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังทางการเมืองแต่อย่างใด และว่าจะเริ่มต้นการสรรหาผู้อำนวยการเอฟบีไอคนใหม่ทันที โดยระหว่างนี้ แอนดริว แม็กคาบี รองผู้อำนวยการเอฟบีไอ จะรักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการชั่วคราว
ตามปกตินั้น ตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอจะมีวาระการทำงาน 10 ปี สำหรับโคมีย์ วัย 56 ปี ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ชัค ชูเมอร์ วุฒิสมาชิกระดับสูงของพรรคเดโมแครต วิจารณ์ว่า ทรัมป์ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ และว่า ชาวอเมริกันทุกคนจะต้องรู้สึกสงสัยว่า การตัดสินใจปลดโคมีย์เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามปิดบังความผิด เว้นแต่คณะบริหารจะแต่งตั้งอัยการอิสระเข้ามาตรวจสอบกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง
ทางฝั่งรีพับลิกันเองก็พยายามกันตัวเองจากทรัมป์ อาทิ วุฒิสมาชิกริชาร์ด เบอร์ ที่แสดงความกังขาในจังหวะเวลาและเหตุผลในการปลดผู้อำนวยการเอฟบีไอ
จัสติน เอแมช สมาชิกรัฐสภาจากรีพับลิกัน เห็นด้วยว่า เนื้อหาบางส่วนของจดหมายที่ทรัมป์ส่งถึงโคมีย์ “ประหลาด” พร้อมประกาศว่า ตนและทีมงานกำลังตรวจสอบข้อกฎหมายเพื่อตั้งคณะกรรมการอิสระสอบสวนกรณีรัสเซีย
ปีที่ผ่านมา โคมีย์มีบทบาทอย่างมากบนเวทีการเมืองอเมริกันที่ทำให้เขาถูกโจมตีจากทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ในวอชิงตัน
เหตุผลในการปลดโคมีย์ตามบันทึกความเข้าใจของร็อด โรเซนสไตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรมคือ ผิดพลาดในการจัดการตรวจสอบกรณีอีเมลฉาวของฮิลลารี คลินตัน ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาสมัยแรก
แต่ขณะเดียวกัน พรรคเดโมแครต รวมถึงคลินตันเอง กล่าวโทษว่า โคมีย์เป็นต้นเหตุทำให้อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ ผู้นี้ แพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปลายปีที่แล้ว
สัปดาห์ที่แล้ว โคมีย์กล่าวต่อสมาชิกรัฐสภาว่า เขารู้สึก “คลื่นเหียนเล็กน้อย” เมื่อคิดว่าตัวเองมีส่วนครอบงำการเลือกตั้ง แต่ไม่มีทางอื่นให้เลือก
นับจากทรัมป์เข้าสู่ทำเนียบขาวเมื่อต้นปี โคมีย์กลายเป็นหอกข้างแคร่ที่เป็นพิษเป็นภัยต่อตำแหน่งของทรัมป์มากขึ้นทุกที เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเพิ่งยืนยันว่าเอฟบีไอกำลังตรวจสอบการแทรกแซงของรัสเซียต่อการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ โดยเฉพาะประเด็นความเป็นไปได้ที่ทีมหาเสียงของทรัมป์อาจรู้เห็นเป็นใจด้วย
สมาชิกพรรคเดโมแครตที่ไม่พอใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วว่า รีพับลิกันกำลังเตะถ่วงการสอบสวนประเด็นนี้ของคณะกรรมาธิการหลายชุดเพื่อปกป้องทรัมป์ ต่างแสดงความกังวลว่า การปลดโคมีย์อาจทำให้การสอบสวนของเอฟบีไอปั่นป่วนเช่นเดียวกัน
แพทริก เลฮีย์ วุฒิสมาชิกจากเวอร์มอนต์ โจมตีว่า เหตุผลในการปลดโคมีย์ของทรัมป์ “ไร้สาระ” และเป็นการพยายามปกปิดข้อเท็จจริงที่ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปลดผู้อำนวยการเอฟบีไอกลางอากาศในขณะที่กำลังมีการสอบสวนหนึ่งในประเด็นที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน และเป็นกรณีที่มีนัยต่อเจ้าหน้าที่อาวุโสในทีมหาเสียงและคณะบริหารของทรัมป์
แรกทีเดียวตอนที่ทรัมป์ตัดสินใจให้โคมีย์ ซึ่งประกาศตนเป็นชาวพรรครีพับลิกันทว่าโอบามาเป็นคนแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการเอฟบีไอ ได้อยู่ในตำแหน่งต่อไปนั้น พลันมีเสียงวิจารณ์ว่า เป็นการตกรางวัลที่โคมีย์ช่วยดับโอกาสของคลินตันในการได้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกา
แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือน โคมีย์กลายเป็นที่สนใจของคนทั่วประเทศอีกครั้ง ทว่าหนนี้เป้าหมายกลับกลายเป็นทรัมป์ นั่นคือเมื่อเดือนที่ผ่านมาที่ผู้อำนวยการเอฟบีไอให้การต่อรัฐสภาโดยยืนยันว่า คณะบริหารของโอบามาไม่ได้ดักฟังทรัมป์เหมือนที่เจ้าตัวกล่าวอ้าง
นอกจากนั้น แม้ทรัมป์พยายามยืนยันว่า ข้อสงสัยที่ว่า ทีมงานของตนสมรู้ร่วมคิดกับมอสโกเป็น “ข่าวปลอม” แต่โคมีย์กลับแสดงท่าทีชัดเจนขึ้นว่า ต้องการตามล่าความจริงเรื่องรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง
สมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนโยงการปลดโคมีย์ของทรัมป์กับเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า “การสังหารหมู่คืนวันเสาร์” ในปี 1973 ที่ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ปลดอัยการอิสระที่สอบสวนคดีวอเตอร์เกตกลางอากาศ