เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวแสดงความยินดีต่อ เอ็มมานูแอล มาครง ว่าที่ผู้นำฝรั่งเศสคนใหม่ ซึ่งคว้าชัยในศึกเลือกตั้งรอบตัดสินด้วยคะแนนทิ้งห่างคู่แข่ง “มารีน เลอแปน” เมื่อวานนี้ (7 พ.ค.) ขณะที่ผลการนับคะแนนล่าสุดบ่งชี้ว่าชาวฝรั่งเศสราว 1 ใน 3 ปฏิเสธที่จะเลือกใครคนใดคนหนึ่งระหว่างผู้สมัครทั้งสอง ทั้งโดยการไม่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือไม่ก็ทำบัตรเสียซึ่งเป็นสถิติสูงที่สุดในรอบเกือบ 50 ปี
ก่อนการเลือกตั้งรอบแรกเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ทรัมป์เคยทำนายว่า เหตุกราดยิงตำรวจที่ถนนฌองเอลิเซในกรุงปารีส จะ “มีผลใหญ่หลวง” ต่อการตัดสินใจของคนฝรั่งเศส พร้อมทั้งชื่นชมจุดยืนด้านผู้อพยพของ เลอแปน โดยบอกว่าเธอเป็นผู้สมัครที่มีนโยบาย “เด็ดขาดที่สุดต่อปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ ไม่เคยประกาศชัดเจนในรอบที่ 2 ว่าเขาสนับสนุนผู้สมัครสายกลางอย่าง มาครง หรือ เลอแปน จากพรรคขวาจัดเนชันแนลฟรอนท์ แต่ก็เปรยๆ ว่ากระแสหวาดกลัวภัยก่อการร้ายน่าจะทำให้ เลอแปน เป็นฝ่ายได้เปรียบ
“ขอแสดงความยินดีกับ เอ็มมานูแอล มาครง ในฐานะว่าที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงล้นหลามในวันนี้” ทรัมป์ ทวีตข้อความ “ผมรอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะได้ร่วมงานกับเขา”
ทำเนียบขาวก็มีถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (7) โดยแสดงความยินดีกับ “มาครง และประชาชนชาวฝรั่งเศสที่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งประธานาธิบดี”
“เราเฝ้าคอยที่จะได้ทำงานกับประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนใหม่ และพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลฝรั่งเศสอย่างใกล้ชิดเหมือนเคย” ฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุ
การที่ เลอแปน ผู้มีจุดยืนต่อต้านสหภาพยุโรปผ่านเข้าถึงรอบตัดสินจนอาจคว้าบัลลังก์ผู้นำเมืองน้ำหอม ทำให้ทั่วโลกหวั่นวิตกต่อการแพร่กระจายของแนวคิดขวาจัดและชาตินิยม ซึ่งเคยหนุนให้ ทรัมป์ ก้าวสู่อำนาจในสหรัฐฯ และทำให้ชาวอังกฤษลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปเมื่อปีที่ผ่านมา
สัปดาห์ที่แล้ว อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้โพสต์คลิปวิดีโอสนับสนุน มาครง ซึ่งเขาระบุว่าเป็นนักการเมืองสายกลางที่จะ “ตอบสนองความคาดหวังของประชาชน ไม่ใช่ความกลัว”
ด้าน ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งพ่ายแพ้ให้แก่ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ก็ได้ทวีตข้อความอวยพรว่า “ชัยชนะจงเป็นของมาครง ฝรั่งเศส อียู และทั่วโลก”
“ความพ่ายแพ้จงมีต่อพวกที่แทรกแซงประชาธิปไตย (แต่สื่อเขาเตือนว่าดิฉันพูดเรื่องนี้ไม่ได้)” เธอกล่าวเสริม ซึ่งคงจะหมายถึงเรื่องที่เธอเชื่อว่ารัสเซียแทรกแซงศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ และหยิบยื่นชัยชนะอย่างเหนือความคาดหมายให้แก่ ทรัมป์
นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แห่งอังกฤษ ได้โทรศัพท์ถึง มาครง เพื่อหารือ “เบร็กซิต” ทันทีหลังจากที่ทราบผลการเลือกตั้งในฝรั่งเศส
“ค่ำวันนี้นายกรัฐมนตรีได้หารือกับว่าที่ประธานาธิบดีมาครง เพื่อแสดงความยินดีที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง” โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลง
“ผู้นำทั้งสองได้หารือสั้นๆ เกี่ยวกับกระบวนการเบร็กซิต และนายกรัฐมนตรีย้ำว่า สหราชอาณาจักรยังปรารถนาที่จะเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งของอียู หลังจากที่เราถอนตัวออกมาแล้ว”
ดาวนิงสตรีทระบุด้วยว่า “ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสจะเป็นรากฐานอันแข็งแกร่งต่อความร่วมมือในอนาคต”
ผลการนับคะแนนที่ผ่านไปกว่าร้อยละ 80 พบว่า มีชาวฝรั่งเศสไม่ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งราว 25.38% ซึ่งเป็นสถิติสูงที่สุดตั้งแต่ปี 1969 นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยยังพบว่า มีคนหย่อน “บัตรเปล่า” หรือ “บัตรเสีย” มากเป็นประวัติการณ์ถึง 11.5% ของผู้ที่ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 47 ล้านคน ขณะที่การเลือกตั้งเมื่อเดือนที่แล้วมีสถิติบัตรเสียแค่ 2%
“เท่ากับว่าคนฝรั่งเศส 1 ใน 3 ปฏิเสธที่จะเลือกผู้สมัครทั้งสองคน ซึ่งนับว่าสูงมากสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดี” อานน์ จาโดต์ อาจารย์รัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลอร์แรน ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
ผลการนับคะแนนซึ่งเกือบเสร็จสมบูรณ์พบว่า มาครง ชนะไปด้วยคะแนนโหวตสูงถึง 66.06% ในขณะที่ เลอแปน ได้มาแค่ราวๆ 34%
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1969 ที่จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในรอบที่ 2 ต่ำกว่ารอบแรก ซึ่งเขาและ เลอแปน เคยผ่านเข้าสู่นัดชิงชัยด้วยคะแนนโหวตสูงสุดเป็นประวัติการณ์