เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - เอ็มมานูแอล มาครง ผู้สมัครแนวทางสายกลางและโปรยุโรป ปราศรัยในคืนวันอาทิตย์ (7 พ.ค.) ว่า เขาจะเยียวยาความแตกแยกต่างๆ ของฝรั่งเศส ภายหลังจากสามารถเอาชนะผู้นำขวาจัด มารีน เลอ แปน ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบสองที่เป็นรอบตัดสิน
“ผมได้ยินได้ฟังความโกรธเกรี้ยว, ความกระวนกระวาย และความสงสัยข้องใจ ซึ่งพวกคุณจำนวนมากได้แสดงออกมา” มาครง ที่ปัจจุบันอยู่ในวัย 39 ปี พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ในระหว่างการปราศรัยต่อพวกผู้สนับสนุน ณ สำนักงานรณรงค์หาเสียงของเขาในกรุงปารีส
“ผมจะต่อสู้ด้วยความเข้มแข็งทั้งหมดของผม เพื่อต่อต้านการแบ่งแยกต่างๆ ซึ่งกำลังบ่อนทำลายพวกเราอยู่” เขากล่าว
มาครงซึ่งกลายเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของฝรั่งเศสที่มีอายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมา ยังประกาศจะทำงานเพื่อ “สร้างสายสัมพันธ์โยงใยระหว่างยุโรปกับพลเมืองของยุโรปขึ้นมาใหม่”
“หน้าใหม่ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของเขากำลังเปิดขึ้นมาแล้วในค่ำคืนนี้” มาครงซึ่งจัดตั้งขบวนการ “ออง มาร์ช” ขึ้นมาสนับสนุนตนเอง ทว่าไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใดกล่าว พร้อมกับบอกว่าวาระแห่งการเป็นประธานาธิบดีของเขาจะเป็นวาระหนึ่ง “ของความหวังและของการฟื้นความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา”
อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจของฝรั่งเศสผู้นี้ยังสัญญาที่จะปกป้องคุ้มครองฝรั่งเศสจากพวกนักรบญิฮาดสุดโต่งหัวรุนแรง ซึ่งได้ก่อการโจมตีขึ้นหลายครั้งในแดนน้ำหอมนับตั้งแต่ปี 2015 ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 230 คน
“ฝรั่งเศสจะอยู่ที่แนวหน้าสุดของการสู้รบต่อต้านลัทธิก่อการร้าย” เขากล่าว
ถึงแม้ยังไม่ได้มีการประกาศผลอย่างเป็นทางการ แต่จากการประมาณการโดยอิงกับผลคะแนนที่ออกมาแล้วบางส่วน แสดงให้เห็นว่า มาครงกำลังจะเป็นผู้ชนะโดยได้คะแนนเสียงโหวตระหว่าง 65 ถึง 66.1% ของผู้มาใช้สิทธิ ขณะที่ เลอ แปน ผู้สมัครจากพรรคขวาจัดที่เป็นคู่แข่งขันของเขาในรอบสองนี้ คาดว่าจะได้เสียงเพียงแค่ระหว่าง 33.9 ถึง 35%
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ตัว เลอ แปน เองได้แถลงยอมรับความพ่ายแพ้ และกล่าวว่าได้แสดงความยินดีกับ เลอครง แล้ว ถึงแม้เธอกล่าวด้วยว่าตนเองยังมีบทบาทหน้าที่ในการเป็นฝ่ายค้านใหญ่ที่สุด และจะรวบรวม “ผู้รักชาติ” จัดตั้งกลุ่มพลังกลุ่มใหม่ขึ้นมา ซึ่งจะไม่ใช้ชื่อว่า “เนชันแนล ฟรอนต์” ตามชื่อพรรคขวาจัดของเธอ